Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

ทางวิปัสสนา (๑๙) การปฏิบัติอาจดูเหมือนยาก แต่ถ้าได้ลองลงมือทำแล้ว ต่อไปจะง่าย

mp3 for download : ทางวิปัสสนา (๑๙) การปฏิบัติอาจดูเหมือนยาก แต่ถ้าได้ลองลงมือทำแล้ว ต่อไปจะง่าย

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ทางวิปัสสนา

ทางวิปัสสนา

หลวงพ่อปราโมทย์ : ชาตินี้ยังทำได้ไม่ถึงไม่เป็นไร แต่เริ่มลงมือทำเสียก่อน ชาติต่อๆไปสติปัญญากล้าแข็งขึ้นมันจะง่ายขึ้นเรื่อยๆ ครูบาอาจารย์บางองค์นะ ท่านปฏิบัตินะล้มลุกคลุกคลาน ทำลำบาก บางองค์ปฏิบัติปุ๊บๆปั๊บๆนะ สบายไปแล้ว ทำไมบางคนเร็วบางคนช้า บางคนยากบางคนง่าย เป็นเรื่องของกรรมทั้งสิ้นเลย ถ้าเราเคยฝึกฝนอบรมที่จะเจริญปัญญามาก่อน การเจริญปัญญาจะง่าย ถ้าเราไม่เคยทำเลยจะยาก แต่ถึงยากนะ ก็ต้องเริ่มทำเพื่อที่วันข้างหน้าจะง่าย

เพราะฉะนั้นพวกเราฟังหลวงพ่อ อย่าฟังทิ้งเปล่าๆนะ สิ่งที่หลวงพ่อเทศน์ให้ฟังเนี่ย เป็นสิ่งที่นักปราชญ์ในอดีตแสวงหากันอย่างแสนสาหัสเลย ส่วนพวกเราคุ้นเคยกับธรรมะจะไม่เห็นคุณค่า สมัยพุทธกาล มีพระเจ้าแผ่นดินองค์หนึ่ง ท่านสนใจว่า เมื่อไหร่หนอจะมีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลก ท่านเป็นพระเจ้าแผ่นดินอยู่เนี่ย ท่านรอ ว่าเมื่อไหร่พระพุทธเจ้าเกิดเมื่อไหร่นะ ตรัสรู้ประกาศธรรมเมื่อไหร่นะ ท่านจะไปเรียนเลย เพื่อจะได้พ้นทุกข์ แล้วท่านก็ฉลาด ท่านก็ไปสั่งพวกพ่อค้าเอาไว้ พวกนี้เดินทางไกล ว่าถ้าได้ข่าวว่าพระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นที่ใดนะ ให้บอก ให้มาบอก จะให้รางวัล

วันหนึ่ง พ่อค้าก็มาบอกท่าน บอกว่า พุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน พระพุทธเจ้าเกิดขึ้นแล้วในโลก ธมฺโม โลเก อุปฺปนฺโน พระธรรมเกิดขึ้นแล้วในโลก สงฺโฆ โลเก อุปฺปนฺโน พระสงฆ์เกิดขึ้นแล้วในโลก ท่านได้ยินนะท่านแทบช็อคเลย สิงที่ท่านใฝ่ฝัน สิ่งที่ท่านรอคอยมาแสนนาน ท่านถามซ้ำตั้งสามรอบแน่ะ ขนลุกขนพอว่า “อะไรนะ พูดว่าอะไรนะ” พ่อค้าก็บอกอย่างนี้แหละว่า พระพุทธเจ้าเกิดขึ้นแล้วในโลก พระธรรมเกิดขึ้นแล้วในโลก พระสงฆ์เกิดขึ้นแล้วในโลก

ท่านก็สั่งพ่อค้าเลยว่า ให้เข้าไปในวังนะ ไปหาพระมเหสี ไปรับรางวัล ท่านจะไม่กลับเข้าวัง ท่านจะต้องรีบไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ท่านก็ขึ้นม้านะ ไปเลย พ่อค้าก็เข้าวังไป ไปบอกพระมเหสีว่าพระราชาให้มารับรางวัล พระราชาไปแล้ว ถามว่าพระราชาไปไหน พ่อค้าบอกว่าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า พุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน ก็เล่าให้พระมเหสีฟัง พระพุทธเจ้าเกิดขึ้นแล้ว พระธรรมเกิดขึ้นแล้ว พระสงฆ์เกิดขึ้นแล้ว พระมเหสีช็อคเหมือนกัน ถามตั้งหลายรอบแน่ะ อ๊ะ จริงเหรอ อะไรอย่างนี้นะ ซักไซ้ พอรู้แน่นะ ท่านให้รางวัลแล้วท่านออกจากวังเลย ตามพระเจ้าแผ่นดินไปบวชนะ สององค์นี้เป็นพระอรหันต์ที่มีชื่อเสียงมากนะ สององค์นี้

คนโบราณนะ กว่าที่เขาจะได้ธรรมะมานะ เขารอคอยมานานแสนนาน พวกเราเกิดมาในแผ่นดินซึ่งธรรมะยังคงดำรงอยู่ ถ้าเราละเลยน่ะ เราไม่ฉลาดหรอกนะ

550409.35m51-38m49

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ ห้องสุวรรณภูมิบอลรูม ชั้น ๒ อาคารบี
บจก. เตียวฮงสีลม บางพลี
วันจันทร์ที่ ๙ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๕
ระหว่างเวลา ๑๓:๐๐ – ๑๕:๐๐ น.

File: 550409.mp3 (ไทย)
File: 550409.mp3 (สหรัฐอเมริกาและยุโรป)
เสียงพระธรรมเทศนา ระหว่างนาที่ ๓๕ วินาทีที่ ๕๑ ถึง นาทีที่ ๓๘ วินาทีที่ ๔๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ภาวนาจนเห็นว่าร่างกายไม่ใช่เรา

ภาวนาจนเห็นว่าร่างกายไม่ใช่เรา

การรู้ว่าร่างกายไม่ใช่ตัวตนไม่ใช่เราที่แท้จริง
ก็แสดงว่าการภาวนาก้าวหน้าไปได้ระดับหนึ่งแล้ว
ต่อไปก็ให้หัดรู้กายบ้าง หัดรู้จิตบ้าง หัดต่อไปอีกทุกวัน
แม้จะยังไม่แจ่มแจ้งธรรมะได้ ก็อาจปิดอบายได้บ้างแล้วครับ
แต่ถ้าแจ่มแจ้งในธรรมจนละความเห็นผิดว่ามีตัวตนจริงๆลงได้ (ละสักกายทิฏฐิ)
พร้อมๆกับละวิจิกิจฉา สีลลัพพตปรามาส ลงได้ (ละสังโยชน์เบื้องต้นได้)
ตามตำราบอกว่า จะปิดอบายได้ทุกชาติที่เหลืออยู่ครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News : ชมภาพหลวงพ่อปราโมทย์ เทศน์ที่ วัดพุทธานุสรณ์ Fremont California

ชมภาพหลวงพ่อปราโมทย์ เทศน์ที่ วัดพุทธานุสรณ์  Fremont California ณ 9 – 10 มิ.ย. 55 (ขอขอบคุณ Roong  Mag ครับ )

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ทางวิปัสสนา (๑๘) รักหวงแหนในสิ่งใด ก็ต้องเป็นทุกข์เพราะสิ่งนั้น

mp3 for download : ทางวิปัสสนา (๑๘) รักหวงแหนในสิ่งใด ก็ต้องเป็นทุกข์เพราะสิ่งนั้น

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ทางวิปัสสนา

ทางวิปัสสนา

หลวงพ่อปราโมทย์ : พอเราหมดความยึดถือในกายเราจะไม่ทุกข์เพราะกาย หมดความยึดถือในจิตจะไม่ทุกข์เพราะจิตอีกต่อไป เรารักอะไร เรา(เป็น)ทุกข์เพราะสิ่งนั้น ไม่ว่าเรารักอะไร เราจะเป็นทุกข์เพราะสิ่งนั้นเสมอ

ยกตัวอย่างเรามีคนรักสักคนหนึ่ง ว่าหวานแหววมากนะ ทุกข์มั้ย ความจริงทุกข์นะ เพราะเราสูญเสียอิสรภาพไป เราสูญเสียอิสรภาพไปนานนะ รักมากจนแต่งงานกันนะ เสียอิสรภาพนานๆ นี่คิดถึงอิสรภาพอีกแล้ว ไม่อยากได้อีกแล้ว ทุกข์อีกแล้ว เนี่ยเฝ้ารู้ลงไปนะ เรียนรู้ลงไป วันหนึ่งสติปัญญาแก่รอบพอนะ เราจะได้อิสรภาพที่แท้จริงนะ เราจะเป็นอิสระ ที่ว่าหลุดพ้นๆน่ะนะ หลุดพ้นจากพันธนาการทั้งปวง

แต่ถ้ายังรักใคร่ผูกพันหวงแหน ในสิ่งใดก็ต้องทุกข์เพราะสิ่งนั้น มีบ้านก็ทุกข์เพราะบ้าน บางคนไปซื้อบ้าน ผ่อนส่งตั้งนาน หวังว่าซื้อบ้านแล้วจะได้อยู่ตลอดชีวิต มีความสุข อยู่ไม่ได้จริงนะ เดี๋ยวบ้านก็ชำรุดทรุดโทรมต้องซ่อมต้องพังมีภาระมากมาย น้ำจะมาใช่มั้ย ต้องต่อสู้ จะท่วมหรือไม่ท่วมอะไรอย่างนี้ ท่วมเสียรู้แล้วรู้รอดไปเลยยังทำใจได้ง่าย ท่วมหรือไม่ท่วมยังกลุ้มใจหนัก มีรถยนต์ก็กลุ้มใจ น้ำจะมาจะทำยังไง เอารถไปใส่ถุงอะไรอย่างนี้ ทำอะไรต่ออะไรสารพัดเลย กินไม่ได้นอนไม่หลับนะ กลัวรถลอยตามน้ำไปอีก อะไรอย่างนี้ มีแฟนก็กลุ้มใจ มีลูกก็กลุ้มใจ

รักอะไรก็ทุกข์เพราะอันนั้น แล้วเรารักอะไรมากที่สุด เรารักตัวเอง ถ้ามีตัวเอง ทุกข์ที่สุดเพราะรักที่สุด เพราะฉะนั้นล้างความเห็นผิดว่ามีตัวเราได้ ก็พ้นทุกข์นั้นแหละ นี่แหละเส้นทางแห่งความพ้นทุกข์

0409.33m57-35m51

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ ห้องสุวรรณภูมิบอลรูม ชั้น ๒ อาคารบี
บจก. เตียวฮงสีลม บางพลี
วันจันทร์ที่ ๙ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๕
ระหว่างเวลา ๑๓:๐๐ – ๑๕:๐๐ น.

File: 550409.mp3 (ไทย)
File: 550409.mp3 (สหรัฐอเมริกาและยุโรป)
เสียงพระธรรมเทศนา ระหว่างนาที่ ๓๓ วินาทีที่ ๕๗ ถึง นาทีที่ ๓๕ วินาทีที่ ๕๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : หลักอย่างหนึ่งในการดูจิต

หลักอย่างหนึ่งในการดูจิต

โดยหลักแล้ว ถ้าเกิดสติขึ้นได้ในแวบที่รู้ได้ว่าจิตเป็นอย่างไร
ถ้าขณะนั้นจิตกำลังมีกิเลส เมื่อเกิดสติได้กิเลสจะดับลง
เช่นถ้ารู้ว่าโกรธแล้วเกิดสติ ความโกรธจะดับลง
แต่ถ้าโกรธแล้วมีอาการทางกายด้วย เช่นตัวสั่นหรือหวิวๆ
อาการทางกายจะไม่สามารถดับลงไปได้เร็วเหมือนความโกรธครับ

อย่างไรก็ตามการหัดดูจิตนั้น ไม่ใช่การหัดแก้จิตเพื่อให้เป็นตามที่เรานึกอยากให้เป็น
และไม่ใช่ว่าพอเห็นจิตกำลังมีกิเลสแล้ว กิเลสต้องดับลงทุกครั้งนะครับ
ถ้าเห็นแล้วกิเลสไม่ดับลงไป ก็ให้หัดดูต่อไปสบายๆ
เพื่อให้เห็นว่า จิตที่มีกิเลสนั้นไม่ได้เป็นไปตามที่เราอยากให้เป็น
ไม่ใช่นึกอยากจะให้ดับก็ดับลงตามที่เราอยาก

หลักดูจิตอย่างหนึ่งคือ
“จิตจะเป็นอย่างไรเรามีหน้าที่แค่รู้แค่ดูไปเท่านั้นเอง”
จิตจะดีเป็นกุศลก็แค่รู้แค่ดูไป
จิตจะไม่ดีเป็นอกุศล มีกิเลส มีความอยาก ก็แค่รู้แค่ดูไปครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ทางวิปัสสนา (๑๗) เห็นไตรลักษณ์ของกายใจ นี้เป็นทางแห่งความบริสุทธิ์

mp3 for download : ทางวิปัสสนา (๑๗) เห็นไตรลักษณ์ของกายใจ นี้เป็นทางแห่งความบริสุทธิ์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ทางวิปัสสนา

ทางวิปัสสนา

หลวงพ่อปราโมทย์ : ถ้าเรามีความเห็นว่า นี่ไม่ใช่ตัวเราหรอก ความทุกข์จะหายไป ความทุกข์จะหายไปเยอะเลย เราทุกข์เพราะอะไร ทุกวันนี้เราทุกข์เพราะเรารักกาย เราทุกข์เพราะเรารักจิตใจของเรา อยากให้มันดี อยากให้มันสุข อยากให้มันสงบ อยากโน้นอยากนี่ ทุกคราวที่ความอยากเกิด ความทุกข์จะเกิดเสมอ ความอยากใดๆเกิดขึ้น ความทุกข์เกิดขึ้นทุกที อยากขึ้นมาได้เพราะไม่รู้ความจริงว่ามันไม่ใช่เราหรอก มันคิดว่าเป็นเราจริงๆ ไปคิดว่าร่างกายเป็นตัวเรา ก็ไม่อยากให้มันแก่ ไม่อยากให้มันเจ็บ ไม่อยากให้มันตาย คิดว่าจิตใจนี้เป็นตัวเราจริงๆ ก็ไม่อยากพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ไม่อยากประสบกับสิ่งที่ไม่รัก เราอยากโน้นอยากนี้ ก็อยากจะสมหวังอย่างเดียว ไม่สมหวังก็กลุ้มใจทุกข์ใจ หนักเข้าไปอีก

เพราะฉะนั้นเรามาฝึกนะ เส้นทางที่จะไปสู่ความพ้นทุกข์อย่างแท้จริงเนี่ย ก็คือเส้นทางที่จะพัฒนาสติปัญญาของเราให้แก่กล้า ให้เห็นความจริงของสิ่งที่เรียกว่า”ตัวเรา” ถ้าเห็นได้ก็จะหมดความยึดถือในสิ่งที่เรียกว่า”ตัวเรา”ได้

พระพุทธเจ้าท่านสอนนะ ถ้าเรามีปัญญา เราเห็นความไม่เที่ยงของสังขาร สังขารก็คือกายกับใจเรานี่เอง คือ ขันธ์ ๕ นี่เอง ถ้ามีปัญญาเห็นความไม่เที่ยงของสังขาร จิตจะเบื่อหน่าย นี้เป็นทางแห่งความบริสุทธิ์ ถ้าเห็นความเป็นทุกข์ของสังขาร คือของกายของใจ จิตจะเบื่อหน่าย พอเบื่อหน่ายมันก็จะไม่ยึดถือกายยึดถือใจ นี่คือเส้นทางของความบริสุทธิ์ ถ้าเราเห็นสังขารคือกายนี้ใจนี้นะ เป็นอนัตตา คือสิ่งที่ไม่ใช่คนไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่เราไม่ใช่เขา เราจะเบื่อหน่าย พอเบื่อหน่ายแล้วพระพุทธเจ้าบอกว่า นี่คือเส้นทางแห่งความบริสุทธิ์

เพราะฉะนั้นเส้นทางแห่งความบริสุทธิ์ ก็คือการที่เราสามารถเห็นกายนี้ใจนี้ หรือเห็นขันธ์ ๕ นี้ รูปนามนี้ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา หาสาระแก่นสารไม่ได้ แล้วก็หมดความยึดถือ

550409.32m06-33m57

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ ห้องสุวรรณภูมิบอลรูม ชั้น ๒ อาคารบี
บจก. เตียวฮงสีลม บางพลี
วันจันทร์ที่ ๙ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๕
ระหว่างเวลา ๑๓:๐๐ – ๑๕:๐๐ น.

File: 550409.mp3 (ไทย)
File: 550409.mp3 (สหรัฐอเมริกาและยุโรป)
เสียงพระธรรมเทศนา ระหว่างนาที่ ๓๒ วินาทีที่ ๖ ถึง นาทีที่ ๓๓ วินาทีที่ ๕๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : การรู้สภาวะ

การรู้สภาวะ

สภาวะ คือสิ่งที่เป็นไปตามเหตุปัจจัย ในการภาวนาจะหมายถึง กายและจิต เป็นสำคัญ
ดังนั้น การรู้กาย ก็คือ การรู้สภาวะนั่นเองครับ
การรู้กาย จะเป็นการรู้สึกว่ามีร่างกายอยู่
ถ้ารู้สึกได้ว่ามีร่างกายอยู่ (เคลื่อนไหว ยืน นั่ง นอน ฯลฯ) ก็คือการรู้กายนั่นเอง
เช่น ถ้าเดินอยู่แล้วรู้สึกได้ว่ามีร่างกายกำลังเดินอยู่ ก็เป็นการรู้กายครับ

ขณะใดรู้กายอยู่ก็รู้กายไป ขณะใดรู้จิตอยู่ก็รู้จิตไป
ขณะนี้รู้กายอยู่แล้วขณะต่อไปจะรู้กายต่ออีกก็ได้
หรือขณะนี้รู้กายแล้วขณะต่อไปจะไปรู้จิตต่อก็ได้ครับ
ไม่จำเป็นว่า รู้กายแล้วต้องตามด้วยรู้จิตทุกครั้งหรอกนะครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ทางวิปัสสนา (๑๖) หากภาวนาไม่ถูก มิจฉาทิฎฐิก็เกิดขึ้นได้

mp3 for download : ทางวิปัสสนา (๑(๖) หากภาวนาไม่ถูก มิจฉาทิฎฐิก็เกิดขึ้นได้

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ทางวิปัสสนา

ทางวิปัสสนา

หลวงพ่อปราโมทย์ : ถ้าเราไม่ได้ภาวนาให้ถูกหลักถูกเกณฑ์ เราก็กลายเป็นพวกมิจฉาทิฎฐิ เราก็จะคิดว่าตัวเรามีอยู่จริงๆ พอคิดว่าตัวเราตอนนี้มีจริงนะ มองไปถึงอนาคต ก็จะเกิดทางเลือก ๒ ทาง ว่าตัวเราซึ่งมีอยู่จริงในปัจจุบันนเนี่ย ต่อไปพอเราตายแล้วก็หายไปเลย ตัวเราไม่มี(อีกต่อไป) หรือ(อีกพวกหนึ่ง)ตัวเราในปัจจุบันมีอยู่จริงๆ อนาคตตายแล้วเนี่ย จิตออกจากร่างไปเกิดใหม่ ก็ยังเป็นไอ้คนเดิมอยู่ ตัวเรามีอยู่จริงๆ เห็นมั้ยว่า คิดว่าตายแล้วเกิด คิดว่าตายแล้วสูญ ล้วนแต่เป็นมิจฉาทิฎฐิ เพราะในความจริง ไม่มีคนมาตั้งแต่ปัจจุบันแล้ว เนี่ยหัดเรียนเข้าไปนะ

550409.31m18-32m06

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ ห้องสุวรรณภูมิบอลรูม ชั้น ๒ อาคารบี
บจก. เตียวฮงสีลม บางพลี
วันจันทร์ที่ ๙ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๕
ระหว่างเวลา ๑๓:๐๐ – ๑๕:๐๐ น.

File: 550409.mp3 (ไทย)
File: 550409.mp3 (สหรัฐอเมริกาและยุโรป)
เสียงพระธรรมเทศนา ระหว่างนาที่ ๓๑ วินาทีที่ ๑๘ ถึง นาทีที่ ๓๒ วินาทีที่ ๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : การฟังเพื่อฝึกสติ

การฟังเพื่อฝึกสติ
.
โดยทั่วไปแล้วการฟังที่มุ่งให้เ​ข้าใจเรื่องราวจะใช้เจริญสติไม่​ได้
เพราะจิตจะส่งออกไปฟังสลับกับคิ​ดไปตลอดเวลา
โดยที่เราจะ “ไม่รู้ชัด” ว่าจิตไม่ตั้งมั่น
“ไม่รู้ชัด” ว่าจิตส่งออกนอก
ดังนั้นการฟังเพื่อฝึกสติ หรือเพื่อให้รู้ทันจิตนั้น
จึงต้องฟังสบายๆ ไม่มุ่งเอาความเข้าใจเรื่องราว
(แต่ฟังๆไปจะรู้เรื่องที่ฟังได้​เอง)
การฟังสบายๆ ก็เพื่อใช้การฟังเป็นเครื่องอยู่หรือช่วยให้
“รู้ชัด” ว่าจิตส่งออกนอก
“รู้ชัด” ว่าเมื่อกี้เผลอไปคิด
สรุปได้ว่า ฟังให้รู้เรื่อง กับฟังเพื่อสังเกตจิตเพื่อฝึกสติ
จะต่างกันตรง รู้จิตได้ชัดหรือรู้ไม่ชัด นั่นเอง
เพราะฉะนั้น กิจกรรมอะไรที่ทำแล้ว “รู้จิตได้ชัด”
จึงจะเหมาะกับการใช้ฝึกสติเพื่อ​ให้จิตตั้งมั่นและเจริญปัญญา

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ทางวิปัสสนา (๑๕) สิ่งที่พระอรหันต์เห็น

mp3 for download : ทางวิปัสสนา (๑๕) สิ่งที่พระอรหันต์เห็น

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ทางวิปัสสนา

ทางวิปัสสนา

หลวงพ่อปราโมทย์ : พระอรหันต์ท่านไม่คิดนะ ว่าท่านเป็นพระอรหันต์ เพราะพระอรหันต์ท่านมีปัญญาแจ่มแจ้งว่า พระอรหันต์ไม่มี คนไม่มีน่ะ คนไม่มี สัตว์ไม่มี เราไม่มี เขาไม่มี มีแต่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ซึ่ง รูป-เวทนา-สัญญา-สังขาร-วิญญาณ นั้น ล้วนแต่เกิดขึ้นแล้วดับไปทั้งสิ้น นี่ล่ะที่พระอรหันต์ท่านเห็นกัน ท่านก็เห็นกันอย่างนี้นะ

550409.30m-56-31m18

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ ห้องสุวรรณภูมิบอลรูม ชั้น ๒ อาคารบี
บจก. เตียวฮงสีลม บางพลี
วันจันทร์ที่ ๙ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๕
ระหว่างเวลา ๑๓:๐๐ – ๑๕:๐๐ น.

File: 550409.mp3 (ไทย)
File: 550409.mp3 (สหรัฐอเมริกาและยุโรป)
เสียงพระธรรมเทศนา ระหว่างนาที่ ๓๐ วินาทีที่ ๕๖ ถึง นาทีที่ ๓๑ วินาทีที่ ๑๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : สาระเกี่ยวกับความรู้สึกตัว

สาระเกี่ยวกับความรู้สึกตัว

ถาม : เหตุใดเราจึงต้องหัดด้วยความรู้สึกตัวก่อน และความรู้สึกตัวนี้จะพัฒนาต่อไปเป็นปัญญาในลำดับต่อๆไปอย่างไรครับ?

ตอบ : ถ้ารู้สึกตัวไม่เป็น จิตจะหลงเพลินไปตามอารมณ์ภายนอกตลอดเวลา
การหัดรู้สึกตัว เป็นการหัดให้จิตเกิดสติมารู้อยู่กับกายกับใจตัวเอง
ซึ่งเมื่อสามารถรู้สึกตัวได้เองบ่อยๆ ก็จะรู้อยู่กับกายกับใจได้บ่อยๆ
เมื่อรู้อยู่กับกายกับใจได้บ่อยๆ ก็จะค่อยๆเห็นได้ว่า
กายกับใจ(จิต)ล้วนไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน เกิดปัญญาไปตามลำดับ

ถาม : ในปัจจุบันผมพอรู้สึกตัวได้บ้าง …. แต่ก่อนเคยอยากรู้ชัดๆ จนวันหนึ่งไปเห็นว่า ความรู้สึกตัวนั้นสั้นมากทำได้แค่รู้เฉยๆ ส่วนที่สงสัยว่าถูกมั๊ย ชัดมั๊ย มันเป็นการคิดต่อไปทั้งสิ้น …. คำถามก็คืออย่างนี้เราจะรู้เกิดดับได้อย่างไรครับ ในช่วงแรกต้องช่วยจิตพิจารณาไหมครับ?ตัวอย่างเช่นเวลาผมโกรธ ผมก็รู้แค่ว่ารู้สึกโกรธแล้วนะ แต่ไม่ได้สนใจว่าความโกรธจะหายไปตอนไหน จะหายไปหรือไม่ สักพักหนึ่งก็หลงไปกับเรื่องอื่นต่อ …. อย่างนี้เท่ากับเสียเปล่าไม่ได้ความรู้อะไรใช่ไหมครับ?

ตอบ : หัดรู้สึกตัว ไม่ได้เสียเปล่าหรอกครับ หัดต่อไปเถอะครับ แต่อย่ารีบร้อนนะครับ แล้วจะค่อยๆเห็นสภาวะเกิดดับได้

ถาม : …ผมก็ยังไม่เข้าใจคำที่ว่า “รู้สบายๆ” “เห็นร่างกายเคลื่อนไหว ใจเป็นคนดู” นั้นเป็นอย่างไร คือพอเวลาเดินของผมมันไปรู้ชัดที่ขา เพราะขยับเยอะสุด ผมก็กลัวว่าเดี๋ยวจะไปเพ่งขา มันก็เลยเกิดอาการดึงกลับให้มารู้สึกว่ามีแขน มีหัว มีตัว กันอุตลุด แต่หากพอรู้ทันว่าจิตหลงไปคิดในขณะเดิน มันจะกลับมารู้สึกอยู่ที่ตัวแบบกว้างๆทั้งตัว
ผมทำผิดตรงไหนครับและควรแก้ไขอย่างไรครับ

ตอบ : ปกติเราจะเคยชินที่จะส่งจิตไปรู้อยู่ที่ส่วนใดส่วนหนึ่ง
พอมาหัดทำตามรูปแบบ จิตก็เลยเคยชินที่จะไปรู้แบบนั้น
พอรู้สึกว่าจิตไปรู้ชัดที่ใดที่หนึ่ง ก็ไม่ต้องพยามดึงกลับมาครับ
แตให้ปล่อยใจสบายๆ อย่าไปเพ่งจ้องดูไว้
คุณตั้ว เคยมองอะไรแบบไม่โฟกัสสายตามั้ยครับ
การรู้สบายๆ เปรียบเหมือนการมองแบบไม่โฟกัสสายตานั่นเองครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ผัสสะที่รุนแรงเป็นครูสอนธรรมะที่ดีที่สุด

mp 3 (for download) : ผัสสะที่รุนแรงเป็นครูสอนธรรมะที่ดีที่สุด

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ผัสสะที่รุนแรงเป็นครูสอนธรรมะที่ดีที่สุด

ผัสสะที่รุนแรงเป็นครูสอนธรรมะที่ดีที่สุด

หลวงพ่อปราโมทย์ : ทุกวันๆที่หลวงพ่อเปิดวัดที่ศรีราชานี่จะมีพระเข้าไปเยอะแยะเลยแต่ละวัน บางวันเยอะ บางวันก็ไม่มากองค์สององค์ พระบางองค์ท่านเข้าไป บางองค์ท่านมาสารภาพทีหลังนะว่าท่านมาด้วยความพอง ท่านรู้สึกว่าท่านภาวนามาเก่งกล้าสามารถมาก เสร็จแล้วท่านก็มานั่งฟังโยมส่งการบ้าน ท่านบอกท่านค่อยๆสั่นขึ้นทีละน้อยนะ สั่นๆ ท่านพบว่าเอ๊ะทำไมญาติโยมภาวนาเก่งขนาดนี้ แค่ฟังก็รู้แล้วว่าฝีไม้ลายมือในการปฏิบัติของแต่ละคนนะขนาดไหน

ก็เลยเรียนท่านบอกโยมเค้าความทุกข์เยอะนะ โยมต้องกระทบผัสสะที่รุนแรง ถ้าโยมเจริญสติเป็นผัสสะที่รุนแรงนั่นแหล่ะเป็นตัวสอนธรรมะให้ อย่างเราภาวนาเราอยู่แต่ในวัดอยู่แต่ในป่าเงียบๆนะ จิตนิ่งอยู่อย่างนั้นทั้งวันทั้งคืน ไม่ค่อยมีอะไรกระทบ อันนี้ดูยากมากเลย ครูบาอาจารย์ถึงสอนให้พิจารณากายให้หางานให้มันทำซะ อย่าให้มันอยู่เฉยๆ งั้นพระก็ต้องไปทำความสงบขึ้นมา พระไม่มีกามสุข พระก็ทำความสงบจิตสงบใจ เป็นความสุขแบบพระ สุขแล้วก็มารู้กายมารู้ใจไปโดยเฉพาะร่างกายต้องรู้เยอะๆ จิตใจมันนิ่งๆไม่ค่อยมีอะไรให้ดูเท่าไหร่

แต่ญาติโยมเป็นอีกแบบนึง ญาติโยมนั้นกระทบอารมณ์รุนแรงทั้งวัน ตื่นนอนมาก็ต้องรีบตาลีตาลานไปทำงานใช่มั้ย แย่งกันขึ้นรถแย่งอะไร ลำบาก ทำมาหากินก็แย่งกันต่อสู้เข้มแข็งดุเดือด ประเภทเผลอนิดเดียวพริบตาทีเดียวบริษัทเจ๊งไปแล้ว แพ้ยับเยิน เพราะนั้นญาติโยมเนี่ยมีผัสสะที่รุนแรง

ผัสสะที่รุนแรงเนี่ยมันทำร้ายคนซึ่งภาวนาไม่เป็น นำความทุกข์นำการบีบคั้นที่รุนแรงมาให้ แต่สำหรับคนที่ภาวนาเป็นรู้หลักของการปฏิบัติแล้ว ผัสสะที่รุนแรงนั้นแหล่ะคือครูที่สอนธรรมะที่ดีที่สุด เพราะว่าเวลามันกระทบอารมณ์นะใจเราจะกระเพื่อมขึ้นมา ใจกระเพื่อมขึ้นมาด้วยความดีใจบ้างด้วยความเสียใจบ้าง ยินดีบ้างยินร้ายบ้าง ด้วยความสุขบ้างความทุกข์บ้าง ด้วยความโลภความโกรธความหลงบ้าง มันกระทบแล้วมันกระเทือน กระเทือนขึ้นมานะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่กระเทือนขึ้นมาเป็นปฏิกิริยาขึ้นมา ล้วนแต่เกิดแล้วดับทั้งสิ้นเลย

ถ้ามีสติรู้ลงไปก็เหมือนคนทำการบ้านอยู่ทั้งวันทั้งคืน เพราะงั้นนอนกลางคืนยังต้องคิดใช่มั้ยจะทำมาหากินอะไร ลำบาก ลูกเต้าทำยังไง ภรรยามีกิ๊กจะทำยังไงอะไรเงี้ย เรื่องปวดกบาลทั้งนั้นนะ สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนเป็นสิ่งไม่ดี เหมือนขยะนะไม่ดี แต่รู้จักใช้แล้วมีประโยชน์มากเลย

เพราะงั้นญาติโยมภาวนาเนี่ย ถ้ารู้หลักของการปฏิบัติแล้วไม่ช้ากว่าพระนะ หลวงพ่อกล้ายืนยัน ในขั้นต้นๆไม่ช้ากว่าพระ พูดอย่างนี้ไม่ได้พูดให้พระสึกกนะเดี๋ยวจะนึกว่าชวนพระสึก ไม่ได้ชวน เพราะขั้นปลายๆฆราวาสทำยากกระทบผัสสะที่หยาบตลอดเลย ภาวนาไปในขั้นละเอียดทำยาก แต่ในขั้นที่หยาบๆ ภาวนาในขั้นต้นนะโสดาฯสกิทาคาฯอะไรนี้เป็นฆราวาสเนี่ย ทำได้ ไม่ได้ปิดกั้นนะ

ธรรมะไม่ใช่เป็นของผูกขาดไว้ให้พระ พระพุทธเจ้าสอนธรรมะให้กับบริษัท ๔ คือทุกคนนั้นเอง เป็นผู้หญิงก็ได้ผู้ชายก็ได้ เป็นพระก็ได้เป็นฆราวาสก็ได้ ฟังให้รู้หลักแล้วก็รู้สึกไป ตาหูจมูกลิ้นกายใจกระทบอารมณ์ใจกระเทือนขึ้นมา รู้ทันๆๆไป ตามรู้ไปเรื่อยอย่าเข้าไปแทรกแซง


CD: ศาลาลุงชิน ครั้งที่ ๑๗
File(thai): 510120.mp3
File(usa): 510120.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๘ วินาทีที่ ๔๘ ถึง นาทีที่ ๒๒ วินาทีที่ ๓๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ภาวนาโดยการรู้ความเจ็บปวดได้หรือไม่?

ภาวนาโดยการรู้ความเจ็บปวดได้หรือไม่?

การรู้ว่าเจ็บ เป็นการรับรู้ตามปกติธรรมชาติทั่วไปของทุกคน
สำหรับในการปฏิบัติภาวนานั้น เมื่อรู้สึกถึงความเจ็บที่เกิดขึ้น
สามารถหัดรู้ได้ดังนี้ คือ

ก. หัดรู้ความเจ็บด้วยจิตที่ตั้งมั่น
ก็จะเห็นความเจ็บเป็นเพียงสิ่งหนึ่งที่เป็นคนละส่วนกับกายคนละส่วนกับจิต
แล้วจะเห็นความเจ็บไม่เที่ยง ไม่เป็นไปตามความต้องการของใคร

หรือ ข. เมื่อรู้สึกว่าเจ็บ ก็ให้หัดรู้ว่า จิตเป็นอย่างไร
เช่น ไม่ชอบ หงุดหงิด อยากหาย หัดรู้ไปด้วยจิตที่ตั้งมั่น
ก็จะเห็นได้ว่า จิตที่ไม่ชอบ หงุดหงิด อยากหาย ก็ไม่เที่ยงเกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป
ไม่เป็นไปตามความต้องการของใคร

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ทางวิปัสสนา (๑๔) เมื่อหมดความยึดถือในกายในใจได้ คือ พระอรหันต์

mp3 for download : ทางวิปัสสนา (๑๔) เมื่อหมดความยึดถือในกายในใจได้ คือ พระอรหันต์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ทางวิปัสสนา

ทางวิปัสสนา

หลวงพ่อปราโมทย์ : ถ้าภาวนาต่อไปอีกนะ เราก็ดูแต่ละส่วนนั้นต่อไปอีก (หากเพิ่งได้ฟังตอนนี้เป็นตอนแรก ขอให้ท่านฟังเรื่อง ทางวิปัสสนา ตั้งแต่ตอนแรกตามลำดับ ที่นี่) เห็นแต่ละส่วนนั้นมีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับ บังคับไม่ได้ หมุนเวียนเปลี่ยนแปลงไป

ยกตัวอย่างร่างกายเราบังคับไม่ได้จริงนะ สั่งไม่ให้แก่มันก็แก่ใช่มั้ย สั่งไม่ให้เจ็บมันก็เจ็บ สั่งไม่ให้ตายมันก็ตาย จิตใจเราก็บังคับไม่ได้นะ สั่งมันให้สุขมันก็ไม่ยอมจะสุข ห้ามทุกข์มันก็จะทุกข์ อะไรอย่างนี้ สั่งให้ดีมันก็ไม่ค่อยจะดีนะ ห้ามชั่วมันก็ขยันชั่ว ไม่อยู่ในอำนาจจริง เฝ้ารู้เฝ้าดูลงในกายในใจนะ ไม่เห็นมีสาระแก่นสาร

พอเห็นความจริงว่ากายนี้ใจนี้ หาสาระแก่นสารที่แท้จริงไม่ได้ มันจะหมดความยึดถือในกายในใจ ถ้าหมดความยึดถือในกายในใจเมื่อไหร่นะ จิตจะสลัดคืนกายคืนใจให้โลก รู้เลยว่านี่คือสมบัติของโลก ขันธ์ ๕ นี้ กายใจนี้ เป็นสมบัติของโลก เรามาอาศัยอยู่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้นเอง จิตหมดความยึดถือในรูปในนาม นั่นแหละคือสิ่งที่เขาสมมุติเรียกกันว่า “พระอรหันต์”

550409.29m56-30m-56

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ ห้องสุวรรณภูมิบอลรูม ชั้น ๒ อาคารบี
บจก. เตียวฮงสีลม บางพลี
วันจันทร์ที่ ๙ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๕
ระหว่างเวลา ๑๓:๐๐ – ๑๕:๐๐ น.

File: 550409.mp3 (ไทย)
File: 550409.mp3 (สหรัฐอเมริกาและยุโรป)
เสียงพระธรรมเทศนา ระหว่างนาที่ ๒๙ วินาทีที่ ๕๖ ถึง นาทีที่ ๓๐ วินาทีที่ ๕๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : การพิจารณาธรรมหลังออกจากสมาธิ

การพิจารณาธรรมหลังออกจากสมาธิ

พอออกจากสมาธิแล้ว จิตจะมีกำลังมีความตั้งมั่นตามสมควร
ก็ให้ใช้โอกาสนี้ มาหัดรู้สภาวธรรม(หรือที่พูดว่าพิจารณาธรรม)
โดยหัดรู้สภาวธรรมที่เป็น กาย หรือเวทนา หรือจิต
หรือธรรม (กระบวนการทำงานของกายของจิต) ก็ได้ครับ

หัดรู้โดยไม่ต้องเจาะจงตายตัวว่าต้องรู้อะไรก่อนหลัง
เมื่อมีสภาวะอะไรที่กำลังปรากฏชัดก็ให้หัดรู้อันนั้นไปเลยครับ
เช่นถ้ารู้สึกถึงร่างกายที่เคลื่อนไหวได้ชัดก็หัดรู้กายเคลื่อนไหวไป
อีกเดี๋ยวถ้าเกิดเห็นว่าจิตส่งออกไปมอง ไปฟัง ไปคิด ฯลฯ
ก็ให้หัดรู้สภาวะของจิตที่ส่งออกไปมอง ไปฟัง ไปคิด ฯลฯ
หรืออีกเดี๋ยวถ้ารู้สึกถึงเวทนาที่กำลังมีอยู่ ก็ให้หัดรู้เวทนานั้นไปครับ
:D

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ต้องเห็นไตรลักษณ์ของรูปนามต่อหน้าต่อตา จึงจะเป็นวิปัสสนา

mp 3 (for download) : โสฬสญาณ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

โยม : อย่างนี้ถ้าเกิดเราแยกธาตุแยกขันธ์ได้ ถือว่าเป็นการวิปัสสนามั้ยครับหลวงพ่อ

หลวงพ่อปราโมทย์  :แยกธาตุแยกขันธ์ได้แล้วยังไม่ถึงวิปัสสนา แยกธาตุแยกขันธ์ได้แล้วต้องเห็นเลยแต่ละขันธ์แต่ละขันธ์ตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์ถึงจะเป็นวิปัสสนา

มันมีธรรมะอยู่เรื่องนึงชื่อโสฬสญาณ เคยได้ยินมั้ยโสฬสญาณ โสฬสญาณเนี่ยไม่ใช่พระพุทธวจนะ เป็นตำราที่พระรุ่นหลังท่านแต่งขึ้นมา แต่ท่านก็เอาคำสอนของพระพุทธเจ้ามาแจกแจงให้ละเอียดเป็นขั้นเป็นตอนขึ้นมา

ในโสฬสญาณนี้ ญาณที่ ๑ ชื่อนามรูปปริจเฉทญาณแยกรูปกับนาม แยกรูปแยกนามนั่นแหล่ะ พอแยกรูปกับนามแล้วรูปยังแยกออกไปได้อีกนะ ตัวรูปแยกออกเป็นอะไร แยกได้ ๔ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม ตัวนามแยกออกได้ ๔ คือ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ แยกรูปแยกนามนามรูปปริจเฉทญาณเนี่ย ยังไม่ใช่วิปัสสนา

ก็จะเห็นอีกรูปอย่างนี้ก็มีเหตุให้เกิด นามอย่างนี้ก็มีเหตุให้เกิด ตรงที่รู้ว่าแต่ละอย่างเกิดจากเหตุ เกิดจากเหตุไม่ได้ลอยๆมานะ อันนี้เรียกว่าปัจจยปริคคหญาณ ปัจจยปริคคหญาณเนี่ยก็ยังไม่ใช่วิปัสสนา

ต่อไปก็จะเห็นเลยแต่ละอย่างเนี่ยมันไม่คงที่นะ อย่างหน้าตาของเราตอนนี้กับหน้าตาของเราตอนเด็กๆไม่เหมือนกัน หน้าตาของเราตอนตื่นนอนกับหน้าตาตอนที่ตื่นแล้วก็ไม่เหมือนกัน เนี่ยแสดงว่ารูปไม่เที่ยง อันนี้รูปไม่เที่ยงด้วยการเปรียบเทียบอดีตกับปัจจุบัน อันนี้ก็ยังไม่ใช่วิปัสสนา เรียกว่าสัมมสนญาณ

แต่ตรงที่เป็นวิปัสสนานี่เห็นต่อหน้าต่อตาเนี่ย เช่นความโกรธผุดขึ้นมาแล้วความโกรธก็ดับไปต่อหน้าต่อตา ความโลภผุดขึ้นมาแล้วก็ดับไปต่อหน้าต่อตานะ ความสุขผุดขึ้นมาแล้วก็ดับไป ตรงที่เห็นว่าสิ่งใดเกิดขึ้นสิ่งนั้นดับ เกิดแล้วก็ดับ เกิดแล้วก็ดับ ตัวนี้เรียกว่าอุทยัพพยญาณ เนี่ยขึ้นวิปัสสนาตรงนี้

เพราะงั้นตรงที่คุณบอกว่ารู้สึกตัวเนี่ยเป็นวิปัสสนาหรือยัง ไม่เป็น แยกรูปนามเป็นวิปัสสนาหรือยัง ยังไม่เป็น ต้องเห็นไตรลักษณ์ของรูปนามก่อนถึงจะเป็น

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันศุกร์ที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๔ หลังฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๒
Track: ๑๘
File: 541118B.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๓๒ วินาทีที่ ๕๘ ถึง นาทีที่ ๓๕ วินาทีที่ ๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : รู้สึกตัว รู้แค่ไหน?

รู้สึกตัว รู้แค่ไหน?

เอาแค่พอรู้สึกว่ามีสิ่งนั้นเกิดขึ้น สิ่งนั้นก็ย่อมดับไปก็พอแล้วครับ
หรือพอเกิดสิ่งนั้นแล้ว จิตเป็นอย่างไรก็รู้ไปตามที่เป็นต่อไปเลย
เช่นตกใจก็รู้ว่าตกใจ ไม่ชอบก็รู้ว่าไม่ชอบ
และถ้าจะเจริญวิปัสสนาก็ไม่ต้องใช้ความคิดไปแก้ไขอะไรเลยครับ
การใช้ความคิดแก้ไขให้จิตสงบ เป็นเพียงการทำสมถะอย่างหนึ่ง
ซึ่งถ้าทำจนเกินจำเป็น ก็จะเสียโอกาสหัดดูสภาวะเพื่อเจริญปัญญาไป
และถ้าทำจนเคยชินก็จะกลายเป็นติดความสงบ อะไรเกิดขึ้นก็คอยทำให้สงบ
ทำให้เจริญปัญญาต่อไม่ได้ครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ทางวิปัสสนา (๑๓) เมื่อล้างความเห็นว่ามีตัวมีตนได้ จะเป็นพระโสดาบัน

mp3 for download : ทางวิปัสสนา (๑๓) เมื่อล้างความเห็นว่ามีตัวมีตนได้ จะเป็นพระโสดาบัน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ทางวิปัสสนา

ทางวิปัสสนา

หลวงพ่อปราโมทย์ : ถ้าเราไม่มีตัวเรานะ ลองเห็นขันธ์ ๕ มัน.. สิ่งที่เรียกว่าเรา.. เคยรู้สึกว่าเป็นตัวเรานั้น เอาเข้าจริงเป็นแค่ “ขันธ์” ที่มารวมกลุ่มกันอยู่แค่นั้นเอง แล้วเราก็ไปรู้สึกผิดว่าเป็นตัวเรา แต่พอขันธ์กระจายออกไปนะ ก็พบว่าไม่มีตัวเราแล้ว เหมือนจับรถยนต์ถอดเป็นชิ้นๆแล้วก็พบว่ารถยนต์หายไปแล้ว นี่เป็นวิธีการที่พระพุทธเจ้าสอน เป็นวิธีที่แปลกมั้ย ไม่น่าเชื่อนะ คนตั้งสองสามพันปีก่อนสอนเรื่องอย่างนี้ ๒๖๐๐ ปีก่อน สอนเรื่องอย่างนี้ได้

เพราะฉะนั้นเรามาเรียนนะ มาเรียน ค่อยๆสังเกตลงไป ตัวเราเอง ถ้าหากเราเห็นความจริงถ่องแท้ ว่าร่างกายไม่ใช่เรา ความสุขความทุกข์ไม่ใช่เรา ความจำไม่ใช่เรา ความปรุงดีปรุงชั่ว เช่น โลภ โกรธ หลง อะไรอย่างนี้ ไม่ใช่เรา จิตใจที่เป็นคนรู้ก็ไม่ใช่เรา ถ้าเราเห็นได้อย่างนี้นะ ตัวเราจะหายไป เมื่อไรเห็นว่าตัวเราไม่มี จะได้พระโสดาบัน

เคยได้ยินคำว่า “โสดาบัน” มั้ย เราวาดภาพโสดาบันคืออะไรก็ไม่รู้ที่ abstract มากเลยนะ สัมผัสไม่ได้ แตะต้องไม่ได้ ฝันเลยว่าอีกแสนชาติก็ไม่ถึง ไม่ถึงแน่นอนเลยถ้าไม่รู้จักรูปไม่รู้จักนาม ไม่รู้จักแยกธาตุแยกขันธ์อย่างนี้ ถ้าแยกเป็นนะ ไม่ยากอะไร พระโสดาบันคือท่านผู้ล้างความเห็นผิดว่ามีตัวมีตน ท่านล้างความเห็นผิดได้ เพราะท่านแยกขันธ์ออกมาเป็นส่วนๆ และเห็นว่าแต่ละส่วนไม่ใช่คน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา

550409.28m24-29m56

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ ห้องสุวรรณภูมิบอลรูม ชั้น ๒ อาคารบี
บจก. เตียวฮงสีลม บางพลี
วันจันทร์ที่ ๙ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๕
ระหว่างเวลา ๑๓:๐๐ – ๑๕:๐๐ น.

File: 550409.mp3 (ไทย)
File: 550409.mp3 (สหรัฐอเมริกาและยุโรป)
เสียงพระธรรมเทศนา ระหว่างนาที่ ๒๘ วินาทีที่ ๒๔ ถึง นาทีที่ ๒๙ วินาทีที่ ๕๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : พระโสดาบัน กับ ตัวเราไม่มีสองความหมายที่ต้องเข้าใจ

พระโสดาบัน กับ ตัวเราไม่มีสองความหมายที่ต้องเข้าใจ


ผู้ที่ได้ฟังธรรมซึ่งหลวงพ่อปรา​โมทย์นำมาแสดง
มักจะได้ยินหลวงพ่อพูดถึงเรื่อย​ๆ ว่า
ถ้าเห็นแจ้งว่า ตัวเราไม่มี หรือเราไม่มี ก็ได้เป็นพระโสดาบัน
หลายคนคงคิดเหมือนผมว่า
ถ้า “ตัวเรา” ไม่มี ก็ไม่น่าจะมี “ของเรา”
แล้วเหตุใดหลวงพ่อจึงได้พูดต่อไ​ปอีกว่า
เมื่อได้พระโสดาบันแล้ว จิตจะยังยึดถือรูปนามอยู่ว่าเป็​นของเรา
เรื่องนี้ก็เลยเป็นเรื่องชวนให้​หลงคิดฟุ้งเอาง่ายๆ ว่า
ในเมื่อยังยึดถือว่าเป็นของเรา ก็ต้องมีตัวเราอยู่ซิ
ถ้าไม่มีตัวเราแล้วจะมีของเราขึ้นมาได้อย่างไร
ฟังไปฟังมา คิดไปคิดมาก็เข้าใจแบบจินตมยปัญ​ญาเอาเองว่า

.
“ตัวเราไม่มี” จะมีความหมายอยู่ 2 ความหมาย
ความหมายแรก จะหมายถึง ความเห็นถูกว่าไม่มีตัวเราที่เที่​ยงถาวร
หรือไม่มีตัวเราที่เป็นตัวตนโดย​ตัวมันเองได้
ซึ่งจะมีตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไ​ป ที่จะมีความเห็นถูกเช่นนี้อย่าง​บริบูรณ์ได้

.
ความหมายที่สอง จะหมายถึง ไม่มีความรู้สึกว่าเป็นตัวเราขอ​งเราอยู่เลย
ไม่มีเพราะจิตหมดสิ้นความถือในขันธ์ทั้งห้าได้แล้ว
จึงไม่สามารถมีอะไรที่จะเป็นตัว​เราหรือของเราขึ้นมาได้อีก

.
ดังนั้น ที่ว่า พระโสดาบันเห็นว่าตัวเราไม่มี หรือไม่มีตัวเรานั้น
จึงหมายถึง ตัวเราไม่มี ตามความหมายแรกนั่นเอง
เพราะสิ่งที่พระโสดาบันจะละได้คือ
ละความเห็นผิดว่ามีตัวเรา
ละความเห็นผิดว่ามีเราคนเดิมที่​เที่ยงถาวรอยู่
หรือเรียกว่า ละความเห็นผิดว่ามีตัวตน (ละสักกายทิฏฐิ)
แต่ถึงแม้พระโสดาบันจะละความเห็​นผิดว่ามีตัวเราที่ถาวรลงได้
แต่จิตจะยังมีความยึดในขันธ์ห้า​อยู่
เมื่อยังยึดในขันธ์ห้า ก็ยังรู้สึกได้ว่ามีตัวเรา มีของเราอยู่
แต่ทุกครั้งที่เกิดความมีตัวเรา​มีของเราปรากฏขึ้น
จิตพระโสดาบันจะไม่ประกอบด้วยคว​ามเห็นผิดว่าเป็นตัวเราที่เที่ย​งถาวร
แต่จะประกอบไปด้วยความเห็นถูกอยู่ว่า
ตัวเราของเราที่ปรากฏขึ้นนี้ เป็นเพียงความปรุงแต่งอย่างหนึ่​ง
ที่เกิดขึ้นแล้วย่อมดับไปเป็นธร​รมดา
ไม่มีตัวเราที่เที่ยงถาวร ไม่มีขันธ์ใดเลยที่เที่ยงถาวรอยู่
มีแต่สิ่งที่เกิดขึ้นตามเหตุปัจ​จัย ที่เกิดขึ้นแล้วย่อมดับไปเป็นธร​รมดา.

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

วิธีปฏิบัติที่ลัดสั้นที่สุดที่พระพุทธเจ้าทรงชี้ไว้

mp 3 (for download) : วิธีปฏิบัติที่ลัดสั้นที่สุดที่พระพุทธเจ้าทรงชี้ไว้

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

วิธีปฏิบัติที่ลัดสั้นที่สุดที่พระพุทธเจ้าทรงชี้ไว้

โยม : ผมไม่ค่อยได้มีโอกาสมาส่งการบ้าน หลวงพ่อช่วยชี้แนะหน่อยว่านำดูสภาวะ อย่างหลงเนี่ยผมดูไม่ค่อยชัด

หลวงพ่อปราโมทย์ : เอาง่ายที่สุดเลยนะ รู้เวทนาทางใจไว้ พระพุทธเจ้าสอนเองอันนี้ว่าเป็นวิธีปฏิบัติที่ลัดสั้นที่สุด เพราะงั้นถ้าเราหัดดูจิตนะ เราดูสภาวะอะไรมากมายไม่เป็น ไม่ต้องตกใจ ใจมีความสุขขึ้นมารู้ทัน ความสุขหายไปรู้ทัน ใจมีความทุกข์ขึ้นมารู้ทัน ความทุกข์หายไปรู้ทัน ฝึกแค่นี้แหล่ะ

โยม : ถ้าเกิดรู้สึกเหมือนกับคืออาจจะไม่แน่ใจว่าเป็นการพยายามทำเองรึเปล่าครับ คือมักจะเคยชินกับการดูเป็นสภาวะมากกว่าว่า…

หลวงพ่อปราโมทย์ : มันจงใจดูไป จงใจดูเนี่ย จิตมันจะเคลื่อนไปดู มันไม่อยู่ห่างๆนะ มันไหลเข้าไป ถ้าไหลเข้าไปปัญญาไม่เกิด สมาธิไม่ตั้งมั่น เพราะงั้นระวังเรื่องจิตไหลไป เวลาตาหูจมูกลิ้นกายใจกระทบอารมณ์นะ ความสุขเกิดขึ้น แค่รู้ ความทุกข์เกิดขึ้น แค่รู้ ความสุขความทุกข์เกิดขึ้นแล้วหายไปก็แค่รู้ เราจะเห็นเลยว่าสุขก็ชั่วคราวทุกข์ก็ชั่วคราว ถ้าเห็นตรงนี้ได้นะใจก็จะไม่หิวความสุข ใจก็จะไม่เกลียดความทุกข์ ใจก็จะไม่ดิ้น

ตัวเวทนาเนี่ยเป็นปัจจัยให้เกิดตัณหา ถ้าเรารู้ทันนะ ความสุขเกิดขึ้นเรารู้ทันว่ามันของชั่วคราว ใจก็ไม่มีตัณหา ใจไม่ดิ้น ความทุกข์เกิดขึ้นรู้ว่าเป็นของชั่วคราวใจก็ไม่ดิ้น ดูตรงนี้ให้มาก ธรรมะอันนี้เป็นธรรมะที่พระพุทธเจ้าบอกว่าลัดสั้นที่สุด การรู้เท่าเวทนา เวทนาเกิดในใจเราตลอดเวลาแล้ว คอยดูไป เดี๋ยวก็สุข เดี๋ยวก็ทุกข์ หัดดูตัวนี้ไปนะ ถ้ามีความสุขอยู่ก็รู้ มีความทุกข์ก็รู้ รู้ให้มาก เล่นตัวนี้ให้มากตัวนี้ง่าย ตัวอื่นไม่สำคัญ คือถ้าเมื่อไหร่เผลอไปมันสุขมันก็ไม่รู้ ทุกข์มันก็ไม่รู้ ถ้ามีความสุขขึ้นมาก็รู้ก็เรียกว่าไม่เผลอแล้ว

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันศุกร์ที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๔ หลังฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๒
Track: ๑๘
File: 541118B.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๖ วินาทีที่ ๒๑ ถึง นาทีที่ ๑๘ วินาทีที่ ๒๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Page 3 of 41234