Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

เกร็ดธรรมคุณสันตินันท์ : ธรรมะอันเด็ดขาดของหลวงปู่หล้า

หลวงตามหาบัวชมและยกย่องหลวงปู่หล้าว่า “เป็นพระที่ซื่อสัตย์ต่อครูอาจารย์ เอาใจใส่ในอาจาริยวัตรเสมอ,

แม้ถูกดุด่าก็อดทนต่อคำสั่งสอน ไม่เหนื่อยหน่ายต่อโอวาทธรรมที่ครูอาจารย์พร่ำสอน และเป็นดั่งผ้าเช็ดเท้าของท่านอาจารย์มั่น”

.

ธรรมะอันเด็ดขาดของหลวงปู่หล้า

ผมเคยไปหลวงปู่หล้า แห่งภูจ้อก้อ
ท่านให้รูปมาแผ่นหนึ่งเขียนธรรมะอันเด็ดขาดน่าฟังไว้ว่า
“เมื่อไม่ยืนยันว่าจิตเป็นตน ตนเป็นจิต ก็ข้ามทะเลหลงได้แล้ว
นิพพานไม่ใช่ผู้รู้ ฟากผู้รู้ไปจนไม่กำหนดหมาย
ถ้ากำหนดหมายอยู่ก็พอเหมือนๆ”

เป็นธรรมที่ถึงใจอย่างยิ่งครับ
พระโสดาบันนั้น ไม่เห็นจิตเป็นตน ไม่เห็นตนเป็นจิต
ก็ข้ามทะเลความหลงผิดได้แล้ว อย่างไรก็ต้องถึงฝั่ง

ตั้งแต่เราฝึกเจริญสติปัฏฐานนั้น เราอาศัยจิตผู้รู้เป็นเครื่องมือ
ทีนี้กระทั่งพระอนาคามีก็ยังยึดจิตผู้รู้อยู่
จนบางทีเผลอไปว่า จิตผู้รู้ นี้สุดทางเดินแล้ว
ท่านจึงให้วางจิตผู้รู้ แล้วไม่กำหนดหมายยึดถือสิ่งใดขึ้นมาอีก จึงถึงนิพพาน
หากยังมีการกำหนดหมายจิตผู้รู้อยู่ ทั้งที่วางอารมณ์อื่นๆ ไปหมดแล้ว
สภาพนั้นคล้ายๆ นิพพาน แต่ยังไม่ใช่นิพพาน เพราะยังมีจิตผู้รู้ผู้ประภัสสรอยู่

ธรรม 2 – 3 บรรทัดของท่าน แสดงแนวการปฏิบัติตั้งแต่ต้นจนจบทีเดียวครับ

โดยคุณ สันตินันท์ (นามปากกาของหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)

เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 2542

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

หลักการเจริญสติปัฏฐาน (๗) ความเป็นกลางมีหลายระดับ

mp 3 (for download) : หลักการเจริญสติปัฏฐาน (๗) ความเป็นกลางมีหลายระดับ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์: ความเป็นกลางมีหลายระดับ อันนี้ก็เทศน์เรื่อยๆ นะ ความเป็นกลางด้วยสมถะก็มี ไปเพ่งเอาไว้แล้วมันก็เป็นกลาง เป็นกลางด้วยสติก็มี เป็นกลางด้วยปัญญาก็มี เป็นกลางด้วยสติคือพอไปรู้ทันความไม่เป็นกลาง ความไม่เป็นกลางดับไป อันนี้ก็ยังใช้ได้นะ แต่ว่าเป็นกลางที่แท้จริงจะเป็นกลางด้วยปัญญา คือเห็นความจริงซ้ำแล้วซ้ำอีก ว่าทุกอย่างมันไม่เที่ยง ทุกอย่างเป็นทุกข์ ทุกอย่างเป็นอนัตตา เห็นซ้ำไปซ้ำมานะ สุขก็ชั่วคราว ทุกข์ก็ชั่วคราว โลภ โกรธ หลง ก็ชั่วคราว กุศลทั้งหลายก็ชั่วคราว พอเห็นอย่างนี้ใจจะเป็นกลางเอง อันนี้เป็นกลางด้วยปัญญา ความเป็นกลางด้วยปัญญานี่แหละ คือประตูของการบรรลุมรรคผลนิพพาน

เมื่อจิตเป็นกลางด้วยปัญญาแล้ว จิตจะหมดความดิ้นรน ถ้าจิตเป็นกลางด้วยวิธีอื่น จิตยังดิ้นรนเพื่อเข้าไปสู่วิธีนี้ จิตยังต้องดิ้นรนอีก เช่น เป็นกลางเพราะสมถะ วันไหนไม่เป็นกลาง ก็ต้องกลับไปทำสมถะเพื่อให้มันมาเป็นกลางอีก ถ้าเป็นกลางเพราะปัญญา มันจะเลิกดิ้น มันจะรู้เลยว่าทุกอย่างในโลกนี้ของชั่วคราว ทุกอย่างเป็นภาพลวงตา ใจมันเห็นอย่างนี้นะ ใจมันไม่ดิ้นแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในกายในใจ ร่างกายจะแก่ จะเจ็บ จะตาย ใจก็ไม่ดิ้นรน จิตจะสุขหรือจิตจะทุกข์ จิตใจก็ไม่ดิ้นรน กระทั่งอกุศลเกิดขึ้น เช่น บางทีภาวนาแล้วมันมืดๆ มัวๆ ภาวนาแล้วมัว ดูไม่รู้เรื่องแล้ว นี่ ส่วนมากจะมาตายตอนนี้ก็มี พอดูไม่รู้เรื่องแล้วทุรนทุรายแล้วเห็นไหม อยากดูให้ชัด อยากรู้ให้ชัด นี่ใจไม่เป็นกลาง ถ้าดูไปแล้ววันนี้มันมัวๆ จิตมีแต่โมหะ มัวๆ รู้ว่ามีโมหะนะ อย่าไปเกลียดมัน รู้ด้วยความเป็นกลางซิ มันจะขาดสะบั้นต่อหน้าต่อตาเลย


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ศาลากาญจนาภิเษก (ศาลาลุงชิน)
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๑

CD: ศาลาลุงชิน ครั้งที่ ๒๕
File: 511116
ระหว่างนาทีที่ ๒๙ วินาทีที่ ๔๑ ถึง นาทีที่ ๓๑ วินาทีที่ ๒๔

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เกร็ดธรรมคุณสันตินันท์ : ปฎิบัติธรรมจากการฟังเสียง

ปฎิบัติธรรมจากการฟังเสียง

สมถกรรมฐานนั้น มีหลาย “วิธี” นับไม่ถ้วนครับ

แต่มี “หลักการ” เพียงอันเดียว

คือการที่เอาสติจดจ่ออยู่กับอารมณ์อันเดียวโดยต่อเนื่อง

เช่นเอาสติ จดจ่อ รู้ลมหายใจเข้าออก  รู้การเคลื่อนไหวร่างกาย

รู้คำบริกรรม รู้รูปกสิณ  รู้เสียงกระดิ่ง

ทั้งหมดนี้มีผลอันเดียวกัน คือทำให้จิตไปจดจ่อกับอารมณ์อันเดียว

ผลก็คือความสงบสุขของจิต  ที่ไม่ต้องร่อนเร่ตามอารมณ์ไปเรื่อยๆ เหมือนเด็กจรจัด

 

และถ้าจะพลิกการฟังเสียงกระดิ่งให้เป็นวิปัสสนาก็ทำได้ครับ

แต่ก่อนอื่นต้องแยกให้ออกเสียก่อน

ว่าเสียงกระดิ่งเป็นอารมณ์ปรมัตถ์ที่ถูกรู้ (เป็นรูป)  จิตคือผู้รู้อารมณ์ (เป็นนาม)

จากนั้นก็ฟังเสียงกระดิ่งไป จะได้ยินเสียงที่มีระดับไม่คงที่

เริ่มจากเสียงที่ถูกเคาะ จนถึงเสียงครางกระหึ่มที่ต่อเนื่องมา จนแผ่วหายไป

เสียงทั้งหมดนั้นไม่คงที่ (อนิจจัง)  เกิดขึ้นมาแล้วก็ดับไป (ทุกขัง)

เสียงไม่ใช่เรา (อนัตตา)

 

หากฟังเสียงกระดิ่งแล้ว จิตเกิดความยินดี ยินร้ายกับเสียงนั้นขึ้นมา

เช่นชอบใจ หรือรำคาญใจ  ก็ให้รู้เท่าทัน จนกระทั่งจิตเป็นกลาง

แล้วรู้เสียงด้วยจิตที่เป็นกลางต่อไป

เสียงจะแสดงไตรลักษณ์ให้จิตรู้อย่างชัดแจ้ง

 

โดยคุณ สันตินันท์ (นามปากกาหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)

เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2542

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

หลักการเจริญสติปัฏฐาน (๖) รู้ด้วยจิตที่เป็นกลาง

mp 3 (for download) : หลักการเจริญสติปัฏฐาน (๖) รู้ด้วยจิตที่เป็นกลาง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์: ทีนี้พอเห็นความจริงแล้วมาถึงตัวสุดท้ายใช่ไหม ทีแรกหลวงพ่อบอก “ให้มีสติ รู้กาย รู้ใจ ที่เป็นปัจจุบัน ตามความเป็นจริง ด้วยจิตที่ตั้งมั่น” ประโยคสุดท้าย “และเป็นกลาง”

เวลาที่เราไปเห็นสภาวะแล้วบางทีจิตก็ยินดีขึ้นมา บางทีจิตก็ยินร้ายขึ้นมา เช่น เราเห็นจิตใจของเรามีความสุข เราก็พอใจ หลายคนภาวนานะ ดูจิตดูใจ ดูไปเรื่อยๆ ความปรุงแต่งหยาบๆ ดับไป เกิดความปรุงแต่งละเอียด ที่เรียกว่า ความว่าง ขึ้นมา ความว่างๆ ที่เราภาวนาแล้วไปเห็นเข้านี่ เป็นแค่ความปรุงแต่งละเอียด ไม่ใช่นิพพานนะ นิพพานไม่ได้ว่างอนาถาแบบนั้น นิพพานไม่ได้ว่างแบบมีขอบ มีเขต มีจุด มีดวง มีวงแคบๆ อยู่ และว่างอยู่นิดๆ หน่อยๆ อย่างนั้น อันนั้นเรียกว่าช่องว่าง

เพราะฉะนั้นบางคนภาวนาจนใจว่างขึ้นมา พอใจว่างแล้ว ราคะเกิด พอใจในความว่าง พอใจในความนิ่ง ไม่ยอมเจริญปัญญาต่อ มีเยอะนะ ตอนนี้เริ่มมีเยอะขึ้น ภาวนาแล้วก็ใจสบาย มีความสุข พอมีความสุขแล้วพอใจแค่นี้แล้ว ไม่มารู้กาย ไม่มารู้ใจ จิตไม่สามารถทวนกระแสเข้ามารู้กายรู้ใจได้ ตัวนี้ที่หลวงพ่อพูดบ่อยๆ ว่า จิตไม่ถึงฐาน น่ะ จิตมันไหลตามอารมณ์ไปเพลินๆ ว่างๆ อยู่ข้างนอก นี่ รู้อย่างไม่เป็นกลาง รู้แล้วหลงยินดี บางทีเห็นกิเลสเกิดขึ้นก็เกลียดมันนะ หาทางต่อสู้ใหญ่เลย ทำอย่างไรจะเอาชนะกิเลส หรือเรานั่งสมาธิอยู่มันปวดมันเมื่อย ทำอย่างไรจะชนะความปวดความเมื่อย นี่คิดภาวนาเอาชนะนะ คิดภาวนาเอาชนะหรือคิดภาวนาแล้วท้อแท้ตามกิเลสไป นี่ก็คือความไม่เป็นกลางทั้งสิ้น ถ้าหากเรารู้ทันความไม่เป็นกลาง ให้รู้ทันนะ เช่น เราไปเห็นคนนี้ ใจเราชอบขึ้นมา เรารู้ทันว่าใจชอบ นี่ใจไม่เป็นกลางแล้ว ชอบขึ้นมา ต่อมาเรามีสติ รู้ทันว่าใจไปชอบเขา เราเกิดความไม่ชอบความชอบนี่ขึ้นมาอีกแล้ว นี่ไม่เป็นกลางอีกแล้ว เรารู้ทันว่าใจไม่ชอบ นี่รู้ความไม่เป็นกลาง แล้วมันจะเป็นกลางของมันเอง


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ศาลากาญจนาภิเษก (ศาลาลุงชิน)
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๑

CD: ศาลาลุงชิน ครั้งที่ ๒๕
File: 511116
ระหว่างนาทีที่ ๒๗ วินาทีที่ ๓๕ ถึง นาทีที่ ๒๙ วินาทีที่ ๔๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เกร็ดธรรมคุณสันตินันท์ : เล่าเรื่องหลวงปู่สิม

เล่าเรื่องหลวงปู่สิม

เรื่องการขัดสมาธิเพชรนั้น
หลวงปู่สิม พุทธาจาโร แห่งถ้ำผาปล่อง ท่านชอบมากครับ
เวลาไปนั่งฟังธรรมของท่านก็ดี ไปนั่งปฏิบัติต่อหน้าท่านก็ดี
ท่านชอบแนะนำให้ขัดสมาธิเพชร
เพราะมีข้อดีหลายอย่างครับ คือทำให้ไม่นั่งหลับง่ายๆ
และจิตใจก็จะเข้มแข็งมาก สมชื่อสมาธิเพชรทีเดียว
เนื่องจากเป็นท่านนั่งที่ทรมานมากกับคนที่ไม่คุ้นเคย

คราวหนึ่งพาเพื่อนที่เรียนในสถาบันจิตวิทยาความมั่นคงด้วยกัน
ขึ้นไปกราบท่านบนถ้ำผาปล่อง เชียงดาว เชียงใหม่
แต่ละท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการต่างๆ ทั้งนั้น
พอไปถึงหลวงปู่ก็แสดงธรรม โดยให้นั่งขัดสมาธิเพชร
ท่านเทศน์ไปสักพักก็มีคนแอบเปลี่ยนท่านั่งเป็นสมาธิราบบ้าง พับเพียบบ้าง
มีผู้เขียนกับผู้ใหญ่ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอีกท่านหนึ่ง
ที่ทนนั่งได้จนท่านเทศน์จบ

พอท่านเทศน์จบท่านก็ยิ้ม บอกว่า “ยังไง นั่งกันไม่ไหวเลยหรือ”
เพื่อนที่ทนนั่งได้ตลอดก็กราบเรียนท่านว่า “โอ๊ยแย่ครับหลวงปู่
ปวดขาเหลือเกิน”
หลวงปู่มองหน้าด้วยความเมตตาอย่างยิ่ง แล้วถามว่า
“ขา มันบอกว่า มันปวดหรือโยม”
เพื่อนก็ตอบว่า “ครับ ขามันปวดมากเลยครับ”

สรุปแล้ว เพื่อนไม่เข้าใจที่ท่านสอน
คือท่านสอนให้พิจารณาต่อไปว่า ขาเป็นเพียงธาตุที่ไม่รู้จักเจ็บปวด
ความเจ็บปวดเป็นเวทนาที่แทรกอยู่ในกายเท่านั้น
แต่ทั้งขาและเวทนาก็ไม่เคยบ่นว่าปวด
คนที่เร่าร้อนโอดโอยแทนขา คือจิตของเราเองต่างหาก

สำหรับท่านั่งสมาธินั้น นอกจากคำว่า “คู้บัลลังก์” แล้ว
ยังมีภาษาเก่าที่ตายไปแล้วอีกคำหนึ่ง
คือคำว่า “นั่งพะแนงเชิง”
“เชิง” คือเท้า “พะแนง” คือ ทับ ซ้อน
ต่อมาคนรุ่นหลังออกเสียงเพี้ยนไปเป็นคำว่า พนัญเชิง
เวลานี้เหลือที่ใช้คำนี้อยู่แห่งเดียว คือวัดพนัญเชิง กับหลวงพ่อพนัญเชิง
เคยอ่านพบว่า ที่เรียกท่านว่าหลวงพ่อพะแนงเชิง
ก็เพราะท่านเป็นพระนั่งสมาธิขนาดใหญ่องค์แรกๆของอโยธยา(ก่อนอยุธยา)
ในขณะที่พระขนาดใหญ่ก่อนหน้านั้น นิยมสร้างเป็นพระนั่งห้อยพระบาท

โดยคุณ สันตินันท์(นามปากกาหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)

เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2542

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

หลักการเจริญสติปัฏฐาน (๕) ถ้าจิตไม่ตั้งมั่น เจริญปัญญาไม่ได้จริง

mp 3 (for download) : หลักการเจริญสติปัฏฐาน (๕) ถ้าจิตไม่ตั้งมั่น เจริญปัญญาไม่ได้จริง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์: เราต้องรู้นะ เราต้องรู้ด้วยจิตที่ตั้งมั่น จิตที่ตั้งมั่นมันเป็นแค่คนดู เราจะเห็นร่างกายอยู่ส่วนหนึ่ง จิตอยู่ส่วนหนึ่ง เห็นเวทนาอยู่ส่วนหนึ่ง จิตอยู่ส่วนหนึ่ง เห็นกุศล อกุศล โลภ โกรธ หลง ทั้งหลาย อยู่ส่วนหนึ่ง จิตอยู่ส่วนหนึ่ง เห็นจิตเกิดดับไปทางตา เกิดที่ตา ดับที่ตา เกิดที่หู ดับที่หู เกิดที่ใจ ดับที่ใจ นี่เห็นอยู่อย่างนี้เรื่อยๆ อย่างนี้เรียกว่าเราเห็นด้วยจิตที่ตั้งมั่นนะ มันจะเห็นความจริงอย่างนี้

การที่มันเห็นว่ากายก็อยู่ส่วนหนึ่ง เวทนาอยู่ส่วนหนึ่ง จิตอยู่ส่วนหนึ่ง มันได้แสดงปัญญาให้เราเห็นแล้วว่า มันไม่ใช่ตัวเรา กายนี้ไม่ใช่เรา เวทนาไม่ใช่เรา สังขารทั้งหลายที่เป็นกุศล อกุศลทั้งหลายไม่ใช่เรา จิตก็เกิดดับไปทางทวารต่างๆ จิตก็ไม่ใช่ตัวเรา เห็นไหม มันจะมีปัญญาขึ้นมา ถ้าใจเราตั้งมั่นได้ เพราะฉะนั้นเงื่อนไขสำคัญว่าจะเกิดปัญญาหรือไม่นี่ อยู่ที่ว่าจิตตั้งมั่นหรือจิตเข้าไปตั้งแช่ในอารมณ์ ถ้าจิตเข้าไปตั้งแช่ในอารมณ์จะเป็นสมถะ อย่างบางคนเดินจงกรมแล้วเพ่งอยู่ที่เท้า ยกเท้า ย่างเท้า รู้หมดเลย แล้วก็ตัวลอย ตัวเบา ตัวโคลง ตัวเล็ก ตัวใหญ่ บางคนตัวลอย บางคนรู้สึกวูบวาบเหมือนฟ้าแลบ บางคนรู้สึกขนลุกขนพอง บางคนรู้สึกเหมือนแมลงมาไต่ร่างกาย นี่เป็นอาการของปิติทั้งสิ้นเลย เป็นเรื่องของสมถะ

ทำไมคิดว่าทำวิปัสสนาแล้วกลายเป็นสมถะ ก็เพราะจิตไม่ตั้งมั่น ถ้าจิตไม่ตั้งมั่นจะเจริญปัญญาไม่ได้ เพราะว่าสัมมาสมาธิเป็นเหตุใกล้ให้เกิดปัญญา ถ้าจิตไม่ตั้งมั่น จิตจะไหลไปอยู่ในอารมณ์แล้วไปแช่ ไปเพ่งตัวอารมณ์ เป็นสมถกรรมฐานทั้งหมด ไม่ว่าจะเพ่งอะไรก็เป็นสมถะทั้งหมด ถ้าจิตตั้งมั่นก็จะเดินวิปัสสนาได้ เห็นความจริง


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ศาลากาญจนาภิเษก (ศาลาลุงชิน)
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๑

CD: ศาลาลุงชิน ครั้งที่ ๒๕
File: 511116
ระหว่างนาทีที่ ๒๕ วินาทีที่ ๔๘ ถึง นาทีที่ ๒๗ วินาทีที่ ๓๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

หลักการเจริญสติปัฏฐาน (๔) รู้ด้วยจิตที่ตั้งมั่น

mp 3 (for download) : หลักการเจริญสติปัฏฐาน (๔) รู้ด้วยจิตที่ตั้งมั่น

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์: การรู้กายรู้ใจตามความเป็นจริง รู้ลงปัจจุบันนี่ แค่นี้ยังไม่พอ จิตที่เป็นคนไปรู้ ต้องมีความตั่งมั่น และต้องมีความเป็นกลาง มี ๒ เงื่อนไข ต้องมีความตั้งมั่น ตั้งมันคือมีสัมมาสมาธิ จิตที่ตั้งมั่นไม่ใช่จิตที่ไหลไปหาอารมณ์ พวกเราที่ภาวนาล้มลุกคลุกคลานไม่เกิดมรรคผลนิพพานสักที เพราะอะไร เพราะว่าจิตไม่ตั้งมั่น ถึงมารู้กาย มีสติรู้กาย มีสติรู้ใจ ถ้าจิตไม่ตั้งมั่น มันจะเป็นการเพ่งกายเพ่งใจ จิตมันจะไหลไปเพ่งนิ่งๆ อยู่ที่กาย ไหลไปเพ่งอยู่ที่ใจ อย่างคนที่หัดอานาปานสติรู้ลมหายใจ สังเกตให้ดีเถอะ  เกือบร้อยละร้อยนะ ถ้าไม่ได้ฟังธรรมที่แท้จริง เกือบร้อยละร้อยเลย จะไปเพ่งลมหายใจ จิตจะไหลไปอยู่ที่ลมหายใจ คนที่ดูท้องพองยุบนะ เกือบร้อยละร้อย นี่พูดแบบเกรงใจที่สุดแล้วนะ เกือบร้อยละร้อย จิตจะไหลไปอยู่ที่ท้อง เวลาไปเดินจงกรมยกเท้า ย่างเท้า จิตก็ไหลไปอยู่ที่เท้า ไปรู้อิริยาบถ ๔ นะ ไปเพ่งมันทั้งตัวเลย ขยับมือ จิตก็ไปเพ่งอยู่ในมือ มันมีแต่เข้าไปเพ่ง จิตที่ไหลเข้าไปเพ่งตัวอารมณ์นี่ เป็นจิตที่ใช้ทำสมถกรรมฐาน ไม่ใช่วิปัสสนากรรมฐาน จิตที่เพ่งอารมณ์นี่ มีภาษาแขก ชื่อว่า อารัมณูปนิชฌาน การเพ่งตัวอารมณ์ เป็นสมถกรรมฐาน เพราะฉะนั้นที่พวกเราส่วนใหญ่ทำอยู่เป็นแค่สมถกรรมฐาน ใจไม่ตื่นจริงๆ หรอก

มีแม่ชีคนหนึ่ง โทรศัพท์มาหากรรมการวัดคนหนึ่ง คือ ชมพู เขามีเบอร์ของชมพูอยู่ เบอร์วัด เขามาเล่าให้ฟังบอกว่า แกเป็นอาจารย์สอนกรรมฐานอยู่ที่สำนักแห่งหนึ่ง แต่สำนักนี้ไม่ยอมให้ไปไหนมาไหนง่ายๆ ก็เลยต้องใช้วิธีแอบโทรมา แกเล่าว่า แต่เดิมแกก็สอนกรรมฐาน แกก็ภาวนาของแกไปด้วย แกเครียดมากเลย หลังแกแข็งเป็นก้อนหินอย่างนั้นเลย ทรมานมาก ต่อมาคนซึ่งไปเข้าคอร์สกับแก เอาหนังสือหลวงพ่อไป แกก็ไปขอดูนะ แล้วก็สนใจเขียนจดหมายมาขอหนังสือไป เอาไปอ่าน คงต้องแอบอ่าน ซีดีฟังไม่ได้ เดี๋ยวคนอื่นได้ยิน เป็นอาจารย์นะ อ่านๆ ไป รู้สึก โอ้ เราทำผิด เราไปเพ่งอารมณ์ เราไม่ได้รู้ลักษณะความเป็นไตรลักษณ์ของอารมณ์ แกบอกพอแกรู้ตรงนี้ แกเห็นว่าจิตไปเพ่ง จิตก็คลายออก แกบอกว่าตอนนี้นะ แกมีความสุขขึ้นเยอะเลย การภาวนาของแกง่าย หลังแกก็ไม่แข็งเป็นก้อนแล้วนะ หน้าตาแกนี่คนมาบอกเลย แกหน้าใส หน้าตาแกผ่องใสผิดจากเดิม แต่เดิมเครียด ที่สำคัญนะ นี่เขียนเล่ามาอย่างละเอียดอีก แต่เดิมนะ ปีหนึ่ง ประจำเดือนมา ๒ ครั้งเอง เพราะเครียด ตั้งแต่มาภาวนาแนวหลวงพ่อปราโมทย์นะ ประจำเดือนมาตามกำหนด (โยมหัวเราะ) เออแน่ะ เราก็เพิ่งรู้นะ ว่าภาวนาแล้วประจำเดือนมาตามกำหนด เพราะอะไร เพราะไม่เครียด

พวกเราล่ะ ภาวนาจนกระทั่งเครียดนะ พิกลพิการไปเยอะแยะเลยนะ เพราะทำผิด ถ้าเข้าใจที่พระพุทธเจ้าสอนแล้วจะไม่เครียดหรอก เราจะรู้กาย เห็นกายมันเป็นทุกข์ แต่ร่าเริงนะ เห็นจิตดีบ้าง ร้ายบ้าง เดี๋ยวก็โลภ เดี๋ยวก็โกรธ เดี๋ยวก็หลง เดี๋ยวสงสัย เดี๋ยวฟุ้งซ่าน เดี๋ยวหดหู่ แต่เราร่าเริงที่ได้เห็นความแปรปรวนของมัน นี่ความประหลาดอยู่ตรงนี้ เพราะฉะนั้นเราจะมีความสุขนะ มีความสงบแต่ร่าเริง ไม่ใช่สงบแบบเซื่องๆ ซึมๆ ซังกะตาย หรือเครียดๆ แข็งๆ อันนั้นเป็นเพราะการเพ่งตัวอารมณ์ทั้งสิ้น ไม่ใช่การรู้ลักษณะของอารมณ์


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ศาลากาญจนาภิเษก (ศาลาลุงชิน)
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๑

CD: ศาลาลุงชิน ครั้งที่ ๒๕
File: 511116
ระหว่างนาทีที่ ๒๑ วินาทีที่ ๔๙ ถึง นาทีที่ ๒๕ วินาทีที่ ๔๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เกร็ดธรรมคุณสันตินันท์ : อิริยาบถกับกิเลส

อิริยาบถกับกิเลส

เรื่องอิริยาบถกับกิเลสมันก็สัมพันธ์กันจริงๆ ครับ
แล้วบางทีก็เป็นเหตุเป็นผลที่ต้องพิจารณาให้ละเอียดเอาเอง
เช่นนั่งหลังงอแล้วโมหะมาก (เพราะเริ่มนั่งด้วยความเกียจคร้าน
นั่งไปแล้วโมหะครอบง่าย)
หรือโมหะมากเลยนั่งหลังงอ (เพราะใจห่อเหี่ยว หลังก็เลยงอไปด้วย)
นั่งหลังตรงแล้วโมหะคลาย (เพราะฮึดสู้ ไม่ยอมจมอยู่กับความหดหู่ซึมเซา)
หรือรู้ว่ามีโมหะ โมหะจึงคลายแล้วนั่งหลังตรง

บางอิริยาบถเช่นการเดินจงกรม พอจิตเป็นสมาธิ จะตั้งมั่นได้นาน
บางอิริยาบถเจริญสติยาก เช่นอิริยาบถนอน
ท่านจึงสอนเรื่องเนสัชชิก คือการไม่นอน
โดยไม่เคยสอนเรื่องการไม่ยืน ไม่เดิน ไม่นั่ง

ดังนั้น อิริยาบถ อย่างไรก็เกี่ยวข้องกับจิตใจและกิเลสเหมือนกัน

คราวนี้มาถึงปัญหาโลกแตกที่ คุณ ถาม
คือเมื่อรู้ว่ามีโมหะ(สังขาร)แล้วควรเปลี่ยนอิริยาบถหรือไม่
หรือจะสู้ตายจนชนะอยู่ในอิริยาบถเดิม
คำถามนี้คล้ายๆ กับคำถามของผู้ที่นั่งภาวนานานๆ จนปวดขา
แล้วสงสัยว่า ควรนั่งดูความเจ็บปวด(เวทนา) หรือควรเปลี่ยนอิริยาบถ

คำตอบก็คือทำได้ทั้งสองอย่างครับ
จะเปลี่ยนอิริยาบถเพื่อลดสังขารที่ไม่ดี หรือลดเวทนาที่เป็นทุกข์
หรือจะอดทนจนชนะ ก็แล้วแต่ถนัดครับ
แต่ถ้าทนแล้วไม่ชนะ(โมหะ) มีแต่จะถูกครอบงำหนักขึ้นเรื่อยๆ
การถอยเสียหน่อย โดยเปลี่ยนอิริยาบถ เพื่อให้จิตมีกำลังต่อสู้ใหม่
ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย หรือเสียศักดิ์ศรีของนักปฏิบัติหรอกครับ
ที่สำคัญคือ ให้มีสติตามรู้โมหะหรือทุกขเวทนานั้น
อยู่ตลอดเวลาในขณะที่เปลี่ยนอิริยาบถ

โดยคุณ สันตินันท์ (นามปากกาของ หลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)

เมื่อวัน พุธ ที่ 1 มีนาคม 2543 

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

หลักการเจริญสติปัฏฐาน (๓) รู้ตามความเป็นจริง คือ เป็นไตรลักษณ์

mp 3 (for download) : หลักการเจริญสติปัฏฐาน (๓) รู้ตามความเป็นจริง คือ เป็นไตรลักษณ์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์: ดูตามความเป็นจริงด้วย มันไม่เที่ยง มันเป็นทุกข์ มันถูกบีบคั้นตลอดเวลา มันบังคับไม่ได้ หรือมันเป็นวัตถุ มันเป็นก้อนธาตุ ดูลงเป็นไตรลักษณ์ เรื่องนี้ก็พูดทุกครั้งที่เจอกัน ไปดูเอาเอง ไปฟังเอาเอง ถ้าเรารู้กายรู้ใจที่กำลังปรากฏในปัจจุบันนี่ ตามความเป็นจริงคือเป็นไตรลักษณ์ ไม่เข้าไปแทรกแซง ไม่ใช่จะเดินจงกรมก็บังคับจิตให้นิ่ง จะนั่งสมาธิก็บังคับจิตให้นิ่ง หรือเดินจงกรมก็ต้องวางมาดใช่ไหม ต้องเดินท่านี้ จะนั่งก็ต้องวางมาด ต้องนั่งในสง่างาม ถึงจะเป็นนักปฏิบัติ นั่งท่านี้ปฏิบัติไม่ได้ ไม่ใช่เลยนะ อย่าเข้าใจผิด มันไม่ได้สำคัญอยู่ที่อิริยาบถอะไร กิริยาท่าทางอะไร มันสำคัญอยู่ที่คุณภาพของจิต ในการที่ไปรู้กายรู้ใจต่างหาก ถ้าเรารู้กายรู้ใจตามความเป็นจริงนะ ตีลังกาอยู่ก็ได้

ครูบาอาจารย์องค์หนึ่งคือ หลวงพ่อพุธ เมื่อก่อนท่านเคยมาสอนที่นี่ หลวงพ่อพุธนี่แหละท่านสั่งไว้นะ ว่าอย่าทิ้งศาลาลุงชินนะ เราเลยต้องอดทนมาที่นี่นะ เพราะครูบาอาจารย์ท่านสั่งไว้ แต่ท่านไม่ได้บอกนะว่า ให้ไม่ทิ้งนานแค่ไหน (โยมหัวเราะ) นี่ดูไปนะ ดูลงความจริง ความจริงคือไตรลักษณ์ ดูกายดูใจ ดูเป็นไตรลักษณ์ ไม่ไปแทรกแซง ไม่ใช่เวลาจะเดินจงกรมก็ต้องวางมาด ค่อยๆ เดิน อะไรอย่างนี้ หรือจะนั่งสมาธิต้องวางฟอร์ม วางฟอร์มทางกายไม่พอ ต้องวางฟอร์มทางใจด้วย รู้สึกไหม ต้องทำใจให้ซึมก่อนถึงจะดี นึกออกไหม มันแกล้งทำทั้งหมดเลยนะ มันไม่ใช่การรู้ตามความเป็นจริง แต่มันเป็นการแกล้งทำ เพราะฉะนั้น อย่าไปดัดแปลงกาย อย่าไปดัดแปลงใจ เราต้องการรู้กายที่เป็นจริง รู้จิตใจที่เป็นจริง เราอย่าไปดัดแปลงเขา อย่าไปบังคับเขา อย่าไปแทรกแซง รู้กายรู้ใจอย่างที่มันกำลังเป็นอยู่จริงๆ นะ รู้ไป


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ศาลากาญจนาภิเษก (ศาลาลุงชิน)
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๑

CD: ศาลาลุงชิน ครั้งที่ ๒๕
File: 511116
ระหว่างนาทีที่ ๑๙ วินาทีที่ ๔๐ ถึง นาทีที่ ๒๑ วินาทีที่ ๔๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เกร็ดธรรมคุณสันตินันท์ : การปฎิบัติธรรมเป็นเรื่องไม่ยากเพราะคือการเจริญสติรู้สึกตัว

การปฎิบัติธรรมเป็นเรื่องไม่ยากเพราะคือการเจริญสติรู้สึกตัว

เท่าที่อ่านจากที่พวกเราคุยกันนี้ ก็พอเห็นว่า
การปฏิบัติธรรมมันดูยาก เพราะเราต้องสู้กับความเคยชินบ้าง
เพราะไม่มีวิธีที่เหมาะบ้าง เพราะไม่มีฐานเก่าบ้าง ฯลฯ

ผมเห็นว่าปัญหาใหญ่อยู่ที่ เรามองว่าการปฏิบัติธรรมคือกิจกรรมอะไรสักอย่างหนึ่ง
ที่จะต้องใช้เวลา หรือมีกิจกรรมแยกออกต่างหากจากชีวิตประจำวันของเรา
(เหมือนคนที่ไม่ชอบออกกำลังกาย จะรู้สึกลำบากที่จะจัดเวลาไปออกกำลังกาย)

ถ้าหากเราเข้าใจว่า การปฏิบัติธรรมคือการทำในสิ่งที่เคยทำ หรือจำเป็นต้องทำ
แต่บวก “ความรู้ตัว” ในขณะที่ทำเข้าไปด้วยเท่านั้น
การปฏิบัติธรรมก็จะเป็นเรื่องง่าย ไม่กินเวลา ไม่เสียกิจกรรมที่จำเป็นต้องทำ
เมื่อฝึกหัดมากขึ้น กระทั่งศีลก็ไม่ต้องรักษา
เพราะกิเลสแหยมหน้ามาให้เห็นนิดเดียวก็ถูกเปิดโปงแล้ว
กิเลสจึงครอบงำจิตไม่ได้ การทำผิดศีลจึงเกิดขึ้นไม่ได้

การนั่งสมาธิ ถ้าไม่มีเวลาจริงๆ จะไม่นั่งก็ได้
เพราะในขณะที่ทำความรู้ตัวอยู่ในชีวิตประจำวันนั้น
จิตจะมีสมาธิในขั้นพื้นฐานอยู่แล้ว
ถ้าเจริญสติอยู่ในชีวิตประจำวันให้มาก
เราอาจจะใช้เวลาก่อนนอน เข้าห้องน้ำ นั่งรถเมล์
ทำความสงบเป็นช่วงๆ ไปก็ได้ คราวละ 5 – 10 นาทีก็ยังดี

คุณเป็นตังอย่างของผู้ฉลาด
คือรู้ว่าตนต้องเลี้ยงลูกอ่อน ก็ปฏิบัติธรรมอยู่ในชีวิตประจำวัน
หรือเลี้ยงลูกไป ปฏิบัติไป ก็ทำได้

ท่านอื่นจะเอาอย่างก็ได้นะครับ
เช่นลูกร้องตอนดึกๆ พอหูได้ยิน ใจก็หงุดหงิดเพราะอยากนอน ก็รู้ทันจิตตนเอง
หรือได้ยินเสียงลูกร่าเริง หัวเราะ น่ารักน่าเอ็นดู ก็รู้ใจตนเอง
จะนั่งดูโทรทัศน์เป็นเพื่อนคนในครอบครัว ก็ดูไปแล้วก็ดูจิตไปด้วย
มันสนุก มันขบขัน มันเศร้าโศก ก็รู้มันไป อย่าไปห้ามไปฝืนมัน

รวมความแล้ว จำเป็นต้องทำอะไรก็ทำไป
แต่บวกความรู้ตัวเข้าไปอีกอย่างเดียวก็พอแล้วครับ
สมดังที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนพระรูปหนึ่งว่า
ท่านไม่ต้องรักษาวินัยหรือปฏิบัติข้อวัตรใดๆ ก็ได้
มีสติรักษาอยู่ที่จิตอย่างเดียวก็พอแล้ว

โดยคุณสันตินันท์ (นามปากกาของหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)

เมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2542

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: New Files Uploaded (๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๕)

    New Files Uploaded วันพฤหัสบดีที่ ๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๕

  • 551028: บ้านจิตสบาย พุทธมณฑลสาย ๓ แสดงธรรมเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๘ เดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

หลักการเจริญสติปัฏฐาน (๒) รู้กาย รู้ใจ ในปัจจุบัน

mp 3 (for download) : หลักการเจริญสติปัฏฐาน (๒) รู้กาย รู้ใจ ในปัจจุบัน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์: สติต้องเกิดเองจากการที่จิตจำสภาวะได้แม่น สติที่เจริญวิปัสสนาต้องเป็นสติที่รู้กายรู้ใจตัวเอง ถ้าไปรู้ของอื่นทำวิปัสสนาไม่ได้จริง เพราะวิปัสสนาทำไปเพื่อถอดถอนความเห็นผิดว่า กายนี้ใจนี้คือตัวเรา วิปัสสนาทำไปเพื่อให้เห็นความจริงว่าตัวเราไม่มีหรอก มีแต่รูปธรรม มีแต่นามธรรม ที่หมุนเวียนเปลี่ยนแปลง เกิดดับอยู่ตลอดเวลา ตัวตนที่แท้จริง ตัวตนที่ถาวรนั้นไม่มี วิปัสสนามุ่งมาตรงนี้ เพราะฉะนั้นวิปัสสนาต้องคอยรู้กายรู้ใจ อย่างบางคนไปเดินจงกรม เท้ากระทบพื้นนะ พื้นเย็นพื้นร้อน พื้นอ่อนพื้นแข็ง รู้หมดเลย รู้เรื่องพื้น ไม่มีใครเห็นพื้นเป็นตัวเราอยู่แล้ว มีใครเห็นพื้นเป็นตัวเรา ที่กำลังนั่งทับนี่ เรากำลังโดนนั่งทับ มีใครรู้สึกไหม มีแต่เราไปนั่งทับมันใช่ไหม

เรารู้สึกกายนี้ใจนี้คือตัวเรา เพราะฉะนั้นดูลงมาในกายในใจนี้ ตัวเราอยู่ที่ไหน ดูลงไปที่นั่น ความรู้สึกว่าตัวเราอยู่ที่ไหน รู้ลงไป ตัวเราอยู่ที่กาย รู้ลงที่กาย ตัวเราอยู่ในใจ นี่ รู้ลงไปที่ใจ ดูลงไปซิ จริงๆ มีตัวเราไหม กายกับใจที่เราจะใช้รู้ ก็ต้องกายกับใจในปัจจุบันด้วย ไม่ใช่กายกับใจในอดีต เพราะกายกับใจในอดีตไม่ได้มีจริง เป็นแค่ความจำ และก็ไม่ใช่กายกับใจในอนาคต กายในอนาคต ใจในอนาคตยังไม่มี เป็นแค่ความคิด ในอดีตก็เป็นแค่ความจำ อนาคตก็เป็นแค่ความคิด ไม่ใช่ความจริง ความจริงอยู่กับปัจจุบันต่อหน้าต่อตานี่

เพราะฉะนั้น พยายามอยู่กับปัจจุบันนะ รู้สึกกาย รู้สึกใจที่กำลังปรากฏในปัจจุบัน รู้ต้องรู้ตามความเป็นจริงของเขา ไม่ใช่รู้แล้วเข้าไปแทรกแซง พวกเราเวลารู้กายก็แทรกแซง รู้ใจก็แทรกแซง เช่น เวลาจะเดินตงกรม เราเคยเดินสบายๆ เดินทั้งวัน เดินทุกวันอยู่แล้ว เดินมาตั้งแต่เดินได้ จะว่าเดินแต่เกิดไม่ได้ใช่ไหม เพราะคนเกิดมามันยังไม่เดิน ไม่ใช่ลูกวัวลูกควาย ลูกวัวควายนะ ชั่วโมงสองชั่วโมงมันเดินได้แล้ว ลูกคนนี่นอน เอาตั้งแต่เดินได้นี่ เราก็เดินอยู่ทุกวันๆ แต่เราเดินไม่เป็น เดินแล้วไม่มีสติ เพราะฉะนั้นถ้าเรามีสติ รู้ลงปัจจุบันไป ยืน เดิน นั่ง นอน รู้ลงปัจจุบัน เห็นกายเห็นใจที่กำลังปรากฏอยู่ในปัจจุบัน รู้ไปเรื่อยๆ ของจริงมันอยู่ตรงนี้ก็ดูจากของจริง ไม่ได้ดูจากความคิดความฝันในอนาคต หรือความจำในอดีต เอาของจริงมาดู ดูซิ เป็นตัวเราจริงไหมนี่ ถ้าไปคิดถึงตัวตนในอดีต นั่งนึกถึงหน้าตาของเราตอน ๓ ขวบ เห็นไหมคนนั้นไม่มีแล้ว นี่ ไม่เที่ยง อย่างนี้ไม่ใช่วิปัสสนา วิปัสสนาต้องเห็นตัวนี้อยู่ทนโท่ อยู่นี่เลยนี่ เห็นตัวนี้ล่ะ มันไม่ใช่ตัวเรา ถึงจะเป็นวิปัสสนา เพราะฉะนั้นต้องดูลงปัจจุบัน

 

หมายเหตุ: การเจริญวิปัสสนา ต้องรู้กาย รู้ใจ ในปัจจุบัน โดยการดูกาย จะดูเป็นปัจจุบันขณะ ส่วนการดูจิต จะดูเป็นปัจจุบันสันตติ

สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เวลาเจริญปัญญา ดูกายเป็นปัจจุบันขณะ ดูจิตเป็นปัจจุบันสันตติ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ศาลากาญจนาภิเษก (ศาลาลุงชิน)
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๑

CD: ศาลาลุงชิน ครั้งที่ ๒๕
File: 511116
ระหว่างนาทีที่ ๑๓ วินาทีที่ ๓๘ ถึง นาทีที่ ๑๖ วินาทีที่ ๔๓

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เกร็ดธรรมคุณสันตินันท์ : แท้จริงแล้วเราสัมผัสโลกได้เพียงนิดเดียว

แท้จริงแล้วเราสัมผัสโลกได้เพียงนิดเดียว

แท้ที่จริงโลกที่ว่าใหญ่นั้น เราสัมผัสมันได้เพียงนิดเดียว นิดเดียวจริงๆ
เช่นภาพของโลก ทั้งโลก ทั้งจักรวาล
ที่เราเห็นได้ก็เพียงแค่แสงสะท้อนของวัตถุเหล่านั้นเท่านั้น
เราไม่ได้สัมผัสกับสิ่งเหล่านั้นจริงจังอะไรเลย

เสียงที่ได้ยิน ก็เพียงความสะเทือนที่แก้วหูนิดเดียวเท่านั้น
กลิ่นในโลกมีมาก ก็ได้กลิ่นเพียงนิดเดียว
รส ก็สัมผัสได้เพียงนิดเดียว และซ้ำๆ ซากๆ
สิ่งที่มาสัมผัสทางกายแม้จะมีได้มากมาย แต่ที่มาสัมผัสเราจริงๆ ก็มีนิดเดียว

ยิ่งความคิดนึกทั้งหลาย กระทั่งคิดจะเป็นเจ้าโลก
มันก็เป็นเหมือนภาพลวงตา เหมือนความฝันที่จิตคิดปรุงเอา
ไม่ได้เกี่ยวกับโลกเลย

เราสัมผัสโลกได้นิดเดียว แต่ความอยากมันมากกว่านั้นมากนัก
ดังนั้นชีวิตจึงเต็มไปด้วยความไม่สมอยาก
และความสามารถในการเสพย์ ของคนเรามีนิดเดียว
แต่ความต้องการเสพย์ มันไม่สิ้นสุด

เราสัมผัสโลกได้นิดเดียว โลกมันก็เป็นโลกของมันอยู่อย่างนั้น
แต่เรากลับคิดว่า เราเป็นเจ้าของ ครอบครองอะไรๆ ตั้งมากมาย
ทั้งที่กายของตนเอง ก็ครองไว้ไม่ได้จริง

โดย คุณ สันตินันท์ (นามปากกาของหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)

เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2542

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

หลักการเจริญสติปัฏฐาน (๑) มีสติ

mp 3 (for download) : หลักการเจริญสติปัฏฐาน (๑) มีสติ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์: หลักของการเจริญสติปัฏฐาน การทำวิปัสสนากรรมฐานที่ถูกต้อง ถ้าสรุปง่ายๆ ภาษาไทยนะ “มีสติ รู้กาย รู้ใจ ตามความเป็นจริง ที่กำลังปรากฏในปัจจุบัน ด้วยจิตที่ตั้งมั่น และเป็นกลาง” ยาวไปไหม ถ้ายาวไปนะ ก็ไปหาหนังสือ วิถีแห่งความรู้แจ้ง ๒ อ่านเอานะ เอาเวอร์ชั่น ๒ นะ เวอร์ชั่น ๑ ตอนเขียนความรู้ยังไม่แจ่มแจ้ง ไปอ่านตอนเวอร์ชั่น ๒ ให้มีสติรู้กายรู้ใจนะ รู้ตามความเป็นจริง รู้กายรู้ใจที่กำลังมีอยู่จริงๆ แล้วรู้มันตามที่มันเป็นจริงๆ รู้ด้วยใจที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง

ถ้าฝึกอย่างนี้ได้แล้วก็ไม่นาน ไม่นานนะจะรู้แจ้งในความเป็นจริงของกายของใจ ความจริงของกายของใจคือมันเป็นไตรลักษณ์ มันไม่เที่ยง มันเป็นของเป็นทุกข์ คือมันถูกบีบคั้น ถูกเสียดแทงตลอดเวลา อย่างร่างกายนี่ถูกเวทนาบีบคั้นตลอดเวลา นั่งอยู่ก็เมื่อย เดินก็เมื่อย นอนก็เมื่อย ใช่ไหม ทำอะไรก็ถูกบีบคั้น หายใจออกก็ทุกข์ หายใจเข้าก็ทุกข์ กินเข้าไปก็ทุกข์ ไม่กินก็ทุกข์นะ ขับถ่ายมากไปก็ทุกข์ ไม่ขับถ่ายก็ทุกข์อีก นี่มันถูกบีบคั้น ร่างกาย จิตใจก็ถูกกิเลสตัณหาบีบคั้นตลอดเวลา มันมีแต่ความทุกข์ทั้งนั้นเลย ในกายในใจ นี่ความจริงของเขา

ความจริงของเขาอีกอย่างหนึ่งคือ เขาไม่ใช่ตัวเรา ร่างกายเป็นแค่วัตถุ เป็นก้อนธาตุ ไม่ใช่ตัวเราที่แท้จริง ตอนนี้คนที่เรียนกับหลวงพ่อแล้วเห็นร่างกายไม่ใช่ตัวเราอย่างแท้จริงมีเยอะ แยะเลย มีเยอะแยะนับไม่ถูกแล้วนะ ถ้าแจกปริญญาคงแจกไม่ทันแล้ว ที่นี้ยังเห็นว่าจิตเป็นเราอยู่ ถ้าวันใดเห็นว่าจิตไม่ใช่เราอย่างแท้จริง จะเป็นพระโสดาบันวันนั้นล่ะ

ทีนี้ วิธีการนะ บอกแล้ว ให้มีสติรู้กายรู้ใจที่กำลังปรากฏ ตามความเป็นจริง มีสติรู้กาย รู้ใจ ไม่ใช่มีสติไปรู้อย่างอื่น สติ พูดมาทุกวันที่เจอหน้ากันว่า สติ คือความระลึกได้ สติไม่ได้แปลว่ากำหนด สติเป็นความระลึกได้ หลวงพ่อจะไม่ลงรายละเอียดเรื่องสติมากนัก สติเป็นความระลึกได้ สติเกิดจากถิรสัญญา คือจิตจำสภาวะได้แม่น จิตจำสภาวะได้แม่นถ้าเราหัดดูบ่อยๆ หัดรู้สึกบ่อยๆ ใจโกรธไปก็คอยรู้สึก ใจโลภก็คอยรู้สึก ใจฟุ้งซ่าน ใจหดหู่ คอยรู้สึกไปเรื่อยนะ รู้สึกไปเรื่อยๆ แล้ววันหนึ่งสติจะเกิด ตรงที่สติเกิดนี่ เวลาใจลอยไปนะ สติก็ระลึกได้เองว่า ใจลอยไปแล้ว เวลาโกรธขึ้นมา สติก็ระลึกได้ว่า โกรธไปแล้ว มันเป็นเอง หรือสติมันระลึกรู้ กำลังอาบน้ำถูสบู่อยู่นะ ระลึกปั๊บลงไป ระลึกถึงตัวรูป แต่เห็นเป็นท่อนๆ นะ เห็นเป็นท่อนๆ เป็นแท่งๆ เป็นแข็งๆ อ่อนๆ เป็นเย็นเป็นร้อน ไม่มีตัวมีตนอะไร


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ศาลากาญจนาภิเษก (ศาลาลุงชิน)
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๑

CD: ศาลาลุงชิน ครั้งที่ ๒๕
File: 511116
ระหว่างนาทีที่ ๑๓ วินาทีที่ ๓๘ ถึง นาทีที่ ๑๖ วินาทีที่ ๔๓

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เกร็ดธรรมคุณสันตินันท์ : สัจจะของหลวงปู่เสาร์

สัจจะของหลวงปู่เสาร์

ผมพอทราบเกร็ดประวัติหลวงปู่เสาร์หลายเรื่อง
แต่ไม่เหมาะที่จะนำมาเล่าในที่สาธารณะ
ส่วนมากจะฟังมาจากหลวงพ่อพุธ ฐานิโย ซึ่งเป็นศิษย์อยู่กับหลวงปู่เสาร์
(ตอนนั้นหลวงพ่อพุธยังเป็นเณร)

มีบางเรื่องพอจะเล่าได้ครับ คือเรื่องการมรณภาพของหลวงปู่เสาร์
ท่านเป็นพระตัวอย่างแก่ชนรุ่นหลัง
คือสมาทานธุดงคกัมมัฏฐานและการรักษาสัจจะจนตลอดชีวิต
แม้ในวาระสุดท้ายซึ่งท่านมีอายุกว่า 80 พรรษาแล้ว
ท่านก็ยังเดินธุดงค์อยู่และมรณภาพเพราะการเดินธุดงค์นั้น
เย็นวันหนึ่งท่านต้องการจะพักใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
เนื่องจากชราภาพมากแล้วท่านจึงไม่เห็นว่า
กิ่งไม้ที่ท่านจะแขวนกลดนั้น มีรังผึ้งหลวงขนาดใหญ่
ท่านจึงตั้งใจที่จะพักที่นั้น เหมือนกับการตั้งสัจจะต่อตนเองนั่นเอง

แต่ก่อนที่ท่านจะพาดเชือก กลด ท่านจึงเห็นผึ้ง
ศิษย์ที่ไปด้วยก็เห็นและพากันกราบเรียนขอให้ท่านย้ายไปพักที่ต้นไม้ต้นอื่น
หลวงปู่เสาร์ท่านปฏิเสธ ท่านบอกว่าท่านตั้งสัจจะแล้วที่จะพักที่นี้
ระหว่าง สัจจะ กับ ชีวิต ท่านเลือก สัจจะ
แม้ศิษย์จะอ้อนวอนอย่างไรท่านก็ไม่ยอมเปลี่ยนใจ
ท่านไล่ลูกศิษย์ออกไปห่างๆ แล้วโยนเชือกพาดกิ่งไม้นั้น
พอกิ่งไม้กระเทือน ฝูงผึ้งก็ออกมาต่อยท่านล้มลง
ลูกศิษย์พาท่านเข้าไปพักที่วัดแห่งหนึ่ง แล้วท่านก็มรณภาพที่นั่น

สัจจะแม้ในเรื่องเล็กน้อยเพียงแค่การแขวนกลด
ท่านยังไม่ยอมให้เสื่อมเสียแม้จะต้องแลกด้วยชีวิต
น้ำใจที่กล้าหาญและยิ่งใหญ่ปานนี้ หาได้ยากยิ่ง
โดยเฉพาะในยุคที่ สัจจะ กลายเป็นนิยายในสังคมการเมืองของบ้านเรา

โดย คุณ สันตินันท์ (นามปากกาของหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)

เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2542

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: New Files Uploaded (๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๕)

    New Files Uploaded วันอังคารที่ ๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๕

  • 550826B: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖ แสดงธรรมเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๖ เดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๕
  • 550826A: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖ แสดงธรรมเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๖ เดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๕
  • 550825: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖ แสดงธรรมเมื่อวันเสาร์ที่ ๒๕ เดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๕
  • 550824B: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖ แสดงธรรมเมื่อวันศุกร์ที่ ๒๔ เดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๕
  • 550824A: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖ แสดงธรรมเมื่อวันศุกร์ที่ ๒๔ เดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๕
  • 550817B: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖ แสดงธรรมเมื่อวันศุกร์ที่ ๑๗ เดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๕
  • 550817A: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖ แสดงธรรมเมื่อวันศุกร์ที่ ๑๗ เดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ลงมือปฏิบัติ อย่าให้เสียชาติเกิด

mp 3 (for download) : ลงมือปฏิบัติ อย่าให้เสียชาติเกิด

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : วันใดได้พระโสดาบันนะ มันจะรู้สึก โอ้ เหมือนเรือมีหางเสือ ก่อนหน้านั้นเหมือนเรือนะ แต่ไม่มีหางเสือ ลอยเท้งเต้งเท้งเต้งไปทางไหนก็ไม่รู้นะ บังคับไม่ได้ไร้ทิศทาง จะเกยหินโสโครกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ จะถูกน้ำวนดูดไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ทำอะไรไม่ได้ซักอย่างเลย ช่วยตัวเองไม่ได้

พอได้โสดาบันมันจะรู้สึกเหมือนเรือมีหางเสือนะ ยังเจอพายุเจอคลื่นลมอยู่ ยังพอจะประคองตัว หลบๆหลีกๆได้ บางทีก็ร่อแร่ไปเลย พระโสดาบันบางทีร่อแร่ไปเลยก็มีนะ อย่างนางวิสาขาเป็นต้น หลานสาวตายนะ ร่อแร่เลย ร้องห่มร้องไห้ เสียอกเสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่าไม่ทุกข์นะ ยังทุกข์ได้อยู่ ทุกข์หนักๆได้อยู่ แต่ว่าพอตั้งหลักง่าย พอมีทิศทางรู้ว่ามีอะไรเป็นที่พึ่ง รู้ว่าต้องมีธรรมะเป็นที่พึ่ง แต่ว่าใจมันจะเริ่มอบอุ่นนะ มีความอบอุ่นในใจ รู้ว่าเรามีที่พึ่งแล้ว ชีวิตของเรามีเป้าหมาย เรารู้แล้วเราเกิดมาทำไม

ถ้ายังไม่ได้โสดาฯ บางทีก็อาศัยศรัทธาลูบๆคลำๆไปว่า เราเกิดมาเพื่อจะพ้นทุกข์น่ะ เพื่อปฏิบัติน่ะ อันนี้อาศัยฟังครูบาอาจารย์บ้างอะไรบ้าง อาศัยการคิดพิจารณาบ้าง แต่พอได้โสดาบันเรารู้เลย ชีวิตเรามีเป้าหมายแล้ว เกิดมาชาตินี้ไม่เสียชาติเกิดแล้ว จะรู้สึกว่าไม่เสียชาติเกิดแล้ว

แต่ความจริงคนที่ไม่เสียชาติเกิดนั่นก็คือ คนซึ่งมีโอกาสได้ฟังธรรม แล้วก็คนที่ได้ลงมือปฏิบัติธรรม พวกนี้ไม่เสียชาติเกิดแล้ว พวกนี้กำไรทั้งสิ้นนะ พอลงมือปฏิบัติรู้กายรู้ใจไป สมมติว่าชาตินี้ไม่บรรลุอะไรนะ ชาติต่อไปจะง่าย ยิ่งชาตินี้เราทำไว้ให้เต็มเหนี่ยวนะ ชาติต่อไปนี่ง่ายมากเลย

งั้นเราต้องสะสมของเรา เนี่ยใจมันจะมีที่พึ่งที่อาศัยนะ พอได้ธรรมะ เหมือนลูกมีพ่อมีแม่ รู้แล้วว่าบ้านเราอยู่ที่ไหน แต่บ้านนี้ยังอยู่ไกล ต้องเดินทางอีกนาน กว่าจะไปถึง นานแค่ไหนก็ไม่เกิน ๗ ชาติ ๗ ชาติแป๊บเดียวนะ เคยมีพระองค์นึงสมัยท่านยังไม่บวช ท่านเกิดสนใจขึ้นมา สงสัยขึ้นมาว่า เอ๊ ในหนึ่งกัปป์เนี่ย เฉพาะกัปป์เนี่ยท่านเกิดเป็นคนมาแล้วกี่ครั้ง เอาเฉพาะคนด้วยนะ นั่งภาวนาไปจิตมันก็แสดงให้ดู เห็นภูเขาของหัวกะโหลกขึ้นมา เป็นภูเขาย่อมๆนะแต่ก็ไม่มากนักหรอก เพราะว่าคงไปเกิดเป็นสัตว์เสียเยอะเหมือนกันแหล่ะ เฉพาะเป็นคนเนี่ยนะ หัวกะโหลกกองขนาดตึกห้าชั้นใหญ่ๆ อันนี้คนที่สร้างบารมีเยอะแล้วนะ ถ้าคนไม่ได้สร้างบารมีนะคงเป็นวัวเป็นควายซะเยอะ คงเป็นสัตว์ซะเยอะ

งั้น ๗ ชาตินี่นิดเดียว แป็บเดียว ชีวิตของเราในชาตินี้ เรามีโอกาสได้ฟังธรรมะ มีโอกาสได้ลิ้มรสว่า พระพุทธเจ้าสอนอะไร เป็นบุญเป็นกุศลแก่ตัวเองอย่างยิ่งใหญ่แล้ว เป็นโชควาสนาอันยิ่งใหญ่ งั้นอย่าทิ้งโอกาสไปเปล่าๆ ชาตินี้ได้เจอธรรมะแล้วลงมือปฏิบัติซะ ชาติไหนไม่เจอแล้วจะวังเวงใจ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สำนักสงฆ์สวนสันติธรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
เมื่อ วันจันทร์ที่ ๑๙ พฤษภายน พ.ศ.๒๕๕๑ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๒๕
Track: ๑๓
File: 510519
ระหว่างนาทีที่ ๒๐ วินาทีที่ ๑ ถึง นาทีที่ ๒๓ วินาทีที่ ๑๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เกร็ดธรรมคุณสันตินันท์ : นักภาวนากับการมีเพื่อน

นักภาวนากับการมีเพื่อน

ที่จริงคนในสังคม ไม่ใช่ว่าเขาจะเลวร้ายหรือปฏิเสธธรรมะเสมอไป
การที่เขาดำรงตนอยู่ในกรอบของจริยธรรม ไม่เบียดเบียนทำร้ายใคร
แม้เขาจะไม่สนใจการปฏิบัติธรรมจริงจัง
แต่เขาก็ได้ปฏิบัติธรรมแล้วในระดับหนึ่ง
เพียงแต่เราอาจจะมองข้ามไป จึงคิดว่าเขาไม่ได้ปฏิบัติธรรม

บางคนไม่เคยตักบาตรบริจาคทาน แต่เขาทำทานโดยการรู้จักให้อภัยผู้อื่น
บางคนขี้เหล้าเมายา แต่รักษาสัจจะและเสียสละเพื่อหมู่คณะ
ถ้าเรามองเขาออกว่า เขาปฏิบัติธรรมอะไรอยู่บ้าง
และไม่คาดหวังว่า เขาจะต้องปฏิบัติเหมือนเรา
เราก็จะพบว่า คนรอบตัวเรานั้น ปฏิบัติธรรมกันอยู่มากมายพอดูทีเดียว
เราสามารถเลือกสนทนาธรรม ที่เหมาะกับเขา
หรือยกระดับเขาขึ้นอีกนิดหนึ่งได้ โดยไม่ต้องพูดถึงคำว่า ธรรมะ

ถ้าเรามองโลกด้วยความรักและความเมตตาจริงๆ
บางทีเราจะพบว่า กระทั่งสัตว์บางตัวก็มีธรรมะบางอย่าง
อย่างผมเคยมีสุนัขตัวหนึ่ง เป็นสุนัขที่ผมเคารพนับถือคุณธรรมบางอย่างของเขา
คือเขารู้จักให้ทาน รู้จักให้อภัย
รู้จักอดกลั้นแม้แต่กับลูกสุนัขและลูกแมวที่ระรานเขา

ถ้าเห็นเช่นนั้น เราจะไม่เงียบเหงาว้าเหว่
เพราะรู้สึกว่ามีเราคนเดียวที่ปฏิบัติ คนรอบตัวไม่ปฏิบัติ
และถ้าอยากจะมีเพื่อนมากๆ ก็อย่าลืมคุณธรรม 4 ประการ
คือการให้ การพูดให้น่ารัก การทำตนให้เป็นประโยชน์
และการมีความเสมอต้นเสมอปลาย

ทุกวันนี้ผมมีเพื่อนเฉพาะในที่ทำงานและเพื่อนบ้าน
ไม่มีเพื่อนเที่ยวเตร่เฮฮา
แต่เพื่อนในทางธรรมมีมากจนนับไม่ถูกครับ
เพราะอาศัยคุณธรรม 4 ประการนั้นเอง

โดย คุณ สันตินันท์ (นามปากกาของหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)

เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2542

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ภาวนาแล้วมีความสุข

Mp3 for download:ภาวนาแล้วมีความสุข

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : หัดเจริญสตินะ รู้กายรู้ใจไปเรื่อย เมื่อไหร่มีสติเมื่อนั้นมีศีล เมื่อไหร่มีสติเมื่อนั้นมีสัมมาสมาธิ เมื่อไหร่มีสติเมื่อนั้นจะมีปัญญา ใจตั้งมั่นขึ้นมาสักว่ารู้สักว่าเห็น ศีล สมาธิ ปัญญา เกิดขึ้นมา ค่อยๆหล่อเลี้ยงจิตใจของเราให้เติบโตขึ้นมาเรื่อยๆ เติบโต วันหนึ่ง เหมือนต้นไม้ที่โตเต็มที่แล้ว ออกดอก ออกผล นะ ให้ความชื่นอกชื่นใจแก่เรา

ค่อยๆฝึก แล้วเราจะมีความสุขเป็นคนที่หนึ่งเลย คนตามลำดับต่อไปคือคนแวดล้อมเรา คนในบ้านเรา ถัดไปก็คนที่ทำงานหรือคนที่รู้จักเรา ต่อไปก็จะมีคนมาคอยมาขอคำปรึกษาเรานะ พวกเราท่าทางมีความสุข พวกมีความทุกข์ทั้งหลายก็จะวิ่งมาถามโน่นถามนี่ เราก็ต้องคอยดูใจเรานะ ในเวลาที่ตอบคำถาม ตอบไปตอบมา มานะอัตตาเกิด “กูเก่ง”เกิดขึ้นมาอีกแล้ว มึงไม่เก่งกูเก่งนะ เห็นมั้ยกิเลสคอยหาช่องอยู่ตลอดเวลา ต้องระมัดระวัง ต้องมีสติ ต้องรู้ทันตัวเองไปเรื่อยๆ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ศาลากาญจนาภิเษก (ศาลาลุงชิน)
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๘ เดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๑

CD: ศาลากาญจนาภิเษก (ศาลาลุงชิน) ครั้งที่ ๒๐
File:
510518
ระหว่างนาทีที่ ๑๙ วินาทีที่ ๓๓ ถึง นาทีที่ ๒๐ วินาทีที่ ๓๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

สิ่งที่ต้องปฎิบัติคือ ละชั่ว เจริญกุศลให้ถึงพร้อม ทำจิตให้ผ่องแผ้ว

mp 3 (for download) : สิ่งที่ต้องปฎิบัติคือ ละชั่ว เจริญกุศลให้ถึงพร้อม ทำจิตให้ผ่องแผ้ว

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : เพราะงั้นสิ่งที่ต้องทำนะ ละความชั่ว ละบาปอกุศลทั้งปวง เจริญกุศลให้ถึงพร้อม ทำจิตให้ผ่องแผ้ว ฟังแล้วมีสามงานนะ เอาเข้าจริงงานเดียวแหล่ะ คือถ้าเมื่อไหร่ละบาปอกุศลออกไปได้ กุศลมันก็เกิดแล้วล่ะ

อะไรที่เรียกว่ากุศล อกุศลก็มีโลภะ โทสะ โมหะ ใช่มั้ย สิ่งที่เรียกว่ากุศลนั้นคือ อโลภะ อโทสะ อโมหะ งั้นถ้ากิเลสเกิดขึ้นในใจเรารู้ทันนะ โทสะเกิดเรารู้ทัน มันก็เป็นอโทสะขึ้นมาแล้ว งั้นตรงที่ล้างอกุศลน่ะ กุศลก็เกิดในขณะนั้นเลย ถ้ากุศลเกิดขึ้นเมื่อใดนะ กุศลถึงพร้อมเมื่อไหร่ จิตก็ผ่องแผ้วในขณะนั้นเลย

กุศลเกิดแรกๆ จิตยังไม่ผ่องแผ้วเต็มที่ จิตยังติดกุศลอยู่ แต่ถ้าเห็นอีกนะ กุศลก็ตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์ จิตไม่เอาทั้งบุญ จิตไม่เอาทั้งบาป แต่จิตไม่ทำชั่ว ทำชั่วไม่ได้เด็ดขาดเลย ศีลสมาธิปัญญาเนี่ย มันจะบริบูรณ์ขึ้นมา

งั้นไม่ใช่คิดเอาเองนะ ว่าไม่ยึดถืออะไรซักอย่างนึง เป็นชู้กับเมียชาวบ้านก็ได้เพราะไม่ยึดถือ ทำไม่ได้หรอก ปล้นเค้าก็ได้เพราะไม่ยึดถือ นั่นมันมิจฉาทิฏฐินะ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
เมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๑๒ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๕ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๔
File: 550212A
ระหว่างนาทีที่ ๑๙ วินาทีที่  ๒๖ ถึง นาทีที่ ๒๐ วินาทีที่ ๔๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Page 3 of 41234