Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

Video: แสดงธรรม ศาลาลุงชิน สิงหาคม ๒๕๕๖

Link : www.youtube.com/watch?v=ow4QJnqAd7g

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
บ้านโค้งดารา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
แสดงธรรมที่‏ ศาลากาญจนาภิเษก (ศาลาลุงชิน)
ซอยแจ้งวัฒนะ ๑๔ ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่
จังหวัดกรุงเทพฯ
เมื่อวันอาทิตย์ ที่ ๑๘ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เกร็ดธรรมคุณสันตินันท์ : ขณะที่จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง

ขณะที่จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง

ในเวลาที่เราดูจิตนั้น เมื่อเรารู้แล้วปล่อยวางอารมณ์เข้าไปตามลำดับๆ

ในที่สุด สติสัมปชัญญะจะไปประชุมลงที่จิต

ตรงนี้ถ้าไปหยุดรู้จิตอยู่อย่างซึมๆ (นิดเดียว) เพราะโมหะแทรก

เราจะไม่เห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง

ต่อเมื่อเกิดความเฉลียวใจนิดเดียว นิดเดียวจริงๆ

ก็จะเห็นชัดว่า นามขันธ์โดยเฉพาะสัญญานั้น มันแนบอยู่กับจิต

จิตจึงทำงานหมายรู้ออกนอกได้ มายาของโลกมันเริ่มมาจากสัญญาและสังขารนี้เอง

แล้วเราก็พากันหลงว่า สัญญานี้คือจิตของเรา

พอเห็นสัญญาชัดเจน ต่างหากจากจิต

เราก็จะรู้จักธรรมชาติแท้ของจิตที่พ้นจากความปรุงแต่งในแว้บเดียว

ตรงนี้แหละครับที่จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้งได้แท้จริง

เพราะไม่มีฝ้ามัวใดๆ มาเคลือบคลุมไว้

ถ้ารู้จักสิ่งนี้แล้ว ก็เป็นการง่ายที่จะเห็นสิ่งแปลกปลอมที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมา

โดยคุณ สันตินันท์ (นามปากกาของหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)

เมื่อวัน พุธ ที่ 1 มีนาคม 2543

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: New Files Uploaded (๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๖)

    New Files Updated วันศุกร์ที่ ๒๓ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๖

  • 560504B: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕o แสดงธรรมเมื่อวันเสาร์ที่ ๔ เดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๖
  • 560504A: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕o แสดงธรรมเมื่อวันเสาร์ที่ ๔ เดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

พระโสดาบันจะเห็นว่าไม่อะไรที่เป็นตัวเราถาวร

mp3 (for download) : 551208A.26m03-27m57

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : เอาให้ได้โสดาฯก่อนนะ อย่าใจร้อน จะได้โสดาฯ โสดาฯเห็นความจริงว่าตัวเราไม่มีหรอก เห็นแต่ของที่เกิดแล้วดับ ไม่มีอะไรที่เป็นอมตะถาวรที่จะเป็นตัวเราที่แท้จริง

ำว่าตัวเราๆ หมายถึงตัวเราที่ถาวร ความรู้สึกว่าเป็นตัวเรา มีเป็นแว้บๆ เกิดแล้วก็ดับไป แต่ว่าความสำคัญมั่นหมาย สัญญาที่ผิดๆ สำคัญมั่นหมายว่ามีตัวเราถาวร ถ้าเป็นพระโสดาฯก็ล้างความสำคัญมั่นหมายผิดๆนี้ได้ เพราะได้เห็นความจริงแล้วว่าไม่มีอะไรถาวรเลย

รูปธรรมทั้งหลายก็ไม่ถาวร เวทนาความสุขความทุกข์ทั้งหลายก็ไม่ถาวร ความจำได้หมายรู้ทั้งหลายก็ไม่ถาวร ความปรุงดีปรุงชั่ว กิเลสทั้งหลาย ก็ไม่ถาวร จิตใจก็ไม่ถาวร เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวสุขเดี๋ยวทุกข์ เดี๋ยววิ่งไปทางตาทางหูทางจมูกทางลิ้นทางกายทางใจ จะเห็นอยู่อย่างนี้นะ

เวลาที่เราดูจิตดูใจเรานะ ถ้าคนไหนชำนาญ ชอบดูขันธ์ ถ้าชอบดูขันธ์ก็จะเห็นเลยว่า เวทนาเกิดดับ สัญญาเกิดดับ สังขารเกิดดับ จิตอยู่ต่างหาก เราก็จะเห็นว่าจิตนี้ไม่เที่ยง เพราะจิตที่สุขเกิดแล้วดับ จิตที่ทุกข์เกิดแล้วดับ จิตที่โลภโกรธหลงเกิดแล้วดับ อย่างนี้สำหรับพวกที่ถนัดดูขันธ์นะ

ถ้าพวกที่ชำนาญดูอายตนะนั้นก็จะเห็นเลย จิตที่เกิดที่ตาเกิดแล้วก็ดับ จิตที่เกิดที่หูเกิดแล้วก็ดับ จิตที่เกิดที่จมูกที่ลิ้นที่กายที่ใจเกิดแล้วก็ดับ พวกนี้เห็นจิตเกิดดับโดยอิงเข้ากับอายตนะ แต่ว่าส่วนมากก็จะดูแค่เห็นกิเลสเห็นอะไรอย่างนั้นไป ดูไม่ค่อยถึงอายตนะเท่าไหร่ ไม่จำเป็นหรอก เอาไว้ให้คนที่เขาชอบเล่นอายตนะเขาดู


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖

File: 551208A
ระหว่างนาทีที่ ๒๖ วินาทีที่ ๓ ถึงนาทีที่ ๒๗ วินาทีที่ ๕๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : การฝึกรู้ทันจิตที่เคลื่อน

การฝึกรู้ทันจิตที่เคลื่อน

หลักการคือ ให้จิตรู้อารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่งเป็นเครื่องอยู่ไว้สบายๆ

เช่น รู้ลมหายใจก็ได้ รู้กายเคลื่อนไหวก็ได้ รู้คำบริกรรมอะไรก็ได้

หรือจะใช้เลื่อนลูกปะคำ นับลูกปะคำก็ได้

แต่ให้เลือกอันที่รู้ได้สบายๆ ไม่เคร่งเครียด จิตใจมีความสุข

แล้วพอรู้อารมณ์นั้นไป สักพักจิตจะเคลื่อนหนีจากอารมณ์นั้นไปรู้อย่างอื่นแทน

เช่นเคลื่อนไปรู้ความคิด ซึ่งเราก็จะสังเกตได้ว่า อารมณ์ที่เราใช้เป็นเครื่องอยู่ได้หายไป

ถ้าเราสังเกตได้ว่า เมื่อกี้ลืมเครื่องอยู่ไป ก็จะกลับมารู้อารมณ์ที่เป็นเครื่องอยู่ได้ใหม่

ตรงที่แวบรู้ขึ้นมานั่นแหละครับ จะรู้สึกได้เลยว่า เมื่อกี้จิตเคลื่อนไป

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

บรรลุพระอรหันต์เพราะเห็นอนิจจังของจิตบ้าง เพราะเห็นทุกขังของจิตบ้าง เพราะเห็นอนัตตาของจิตบ้าง

mp3 (for download) : บรรลุพระอรหันต์เพราะเห็นอนิจจังของจิตบ้าง เพราะเห็นทุกขังของจิตบ้าง เพราะเห็นอนัตตาของจิตบ้าง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณความเอื้อเฟื้อภาพจากบ้านจิตสบาย

หลวงพ่อปราโมทย์ : พวกที่ทรงสมาธิมากๆเนี่ย เวลาจะบรรลุพระอรหันต์ จะต้องบรรลุด้วยการเห็นจิตเป็นตัวทุกข์ เพียงลำพังเห็นจิตไม่เที่ยง พวกที่มีศรัทธามากๆนะเห็นจิตไม่เที่ยง พวกนี้ก็ยอมปล่อยวางจิตนะ พวกศรัทธามากเนี่ย จะเป็นพวกมาตรฐานสูง พอเห็นความไม่เที่ยงนิดๆหน่อยๆก็จะรู้สึกว่าผิดมาตรฐานแล้ว ยอมรับไม่ได้เลย ยอมทิ้งจิต ส่วนพวกปัญญามากเนี่ย จะบรรลุด้วยการเห็นอนัตตา เห็นว่าจิตไม่ใช่ตัวเรา มันทำงานของมันได้เอง พึ่งพาอาศัยอะไรไม่ได้ เปลี่ยนแปลงไปตามเหตุตามปัจจัยของมัน เอาเป็นที่พึ่งไม่ได้ จิตก็สลัด ไม่ยึดถือ สลัดคืนจิตให้โลก แต่ถ้าพวกทรงสมาธินะ เวลาบรรลุพระอรหันต์เนี่ย ก็จะเห็นความเป็นทุกข์ของจิต

ของเราไม่ต้องกังวลนะ ว่า ของเรายังไม่ต้องถามหลวงพ่อนะ ว่า หนูจะบรรลุพระอรหันต์เพราะเห็นอนิจจัง หรือทุกขัง หรืออนัตตานะ เอาให้ได้โสดาฯก่อน


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖

File: 551208A
ระหว่างนาทีที่ ๒๕ วินาทีที่ ๑ ถึงนาทีที่ ๒๖ วินาทีที่ ๓

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เกร็ดธรรมคุณสันตินันท์ : การบรรลุธรรมของพระอานนท์

การบรรลุธรรมของพระอานนท์

คนที่พยายามเลียนแบบท่านพระอานนท์ ด้วยการเอนนอนโดยหวังมรรคผล

ทำให้ผมนึกขึ้นได้ เพราะเคยได้ยินเรื่องทำนองนี้บ่อยๆ ในหมู่ผู้ปฏิบัติ

เช่นบางท่านได้ยินว่า ครูบาอาจารย์แก้การนั่งหลับในด้วยการไปนั่งริมหน้าผา

ก็เลยเลียนแบบ แต่ย้ายจากริมหน้าผาซึ่งหายาก ไปนั่งริมระเบียงกุฏิแทน

ผลก็คือหลับแล้วตกระเบียงกุฏิ

บางท่านได้ยินว่า คนนั้นคนนี้ไปนั่งในถ้ำที่ผีดุแล้วภาวนาดี ก็เอาบ้าง

ปรากฏว่าภาวนาได้ไม่ดี

ทั้งนี้ก็เพราะเป็นการปฏิบัติแบบมีมารยาสาไถย คิดที่จะจัดฉากเลียนแบบดารา

เมื่อมีความจงใจอย่างนั้น ความจงใจนั้นแหละปิดกั้นความเป็นธรรมดาของจิต

จึงไม่สามารถเจริญวิปัสสนา คือการรู้สภาวธรรมอันเป็นปัจจุบันตามความเป็นจริงได้

 

การปฏิบัติในขั้นแตกหักนั้น ต้องเจริญสติให้ต่อเนื่องไว้

พยายามอย่าให้ขาดวรรคขาดตอน

ผมเองเคยได้ยินตำรากล่าวเรื่องพระอานนท์บรรลุธรรมบ่อยๆ

ส่วนมากจะระบุว่า ท่านพยายามอย่างเต็มที่แล้ว ไม่สำเร็จ

จึงปล่อยวางการปฏิบัติ เอนกายลงนอน เลิกปฏิบัติเพื่อพักผ่อน

ตรงนี้ก็เคยสงสัยเสมอมาเหมือนกัน ว่าจริงอย่างที่กล่าวกันนั้นหรือไม่

เพราะจิตในขั้นที่เป็นมหาสตินั้น จงใจเลิกปฏิบัติได้เสียที่ไหนกัน

และเมื่ออ่านพระไตรปิฎก ก็ไม่เห็นมีตรงไหนบอกว่า

ท่านเลิกปฏิบัติในขณะที่เอนกายลงนอน

หากแต่ท่าน รู้ อริยาบถที่กำลังเอนลงนอนอย่างละเอียด

ซึ่งก็คือการเจริญกายคตาสติที่ยังไม่ขาดตอนนั่นเอง

ขอให้พิจารณาข้อความต่อไปนี้ดูนะครับ

[617] ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์คิดว่า พรุ่งนี้เป็นวันประชุม

 ข้อที่เรายังเป็นเสกขบุคคลอยู่จะพึงไปสู่ที่ประชุมนั้น ไม่ควรแก่เรา

 จึงยังราตรีเป็นส่วนมากให้ล่วงไปด้วย กายคตาสติ

 ในเวลาใกล้รุ่งแห่งราตรีจึง เอนกาย ด้วยตั้งใจว่า จักนอน

แต่ศีรษะยังไม่ทันถึงหมอนและเท้ายังไม่ทันพ้นจากพื้น

 ในระหว่างนั้น จิตได้หลุดพ้นจากอาสวะ เพราะไม่ถือมั่น

 ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์เป็นพระอรหันต์ได้ไปสู่ที่ประชุม ฯ

[พระวินัยปิฎก  เล่ม  7  จุลวรรคภาค  2  ขันธกะ ]

จะเห็นว่า ไม่มีตรงไหนเลยที่บอกว่า

ท่านยังราตรีเป็นส่วนมากให้ล่วงไปด้วยกายคตาสติ

ในเวลาใกล้รุ่งแห่งราตรี จึงหยุดเจริญสติ แล้วเอนกายลงนอน

หากแต่ท่านเอนกายลงนอนด้วยความรู้เท่าทันตลอดว่าจะนอน

 

จุดที่น่าสังเกตอีกจุดหนึ่ง ซึ่งผมคิดว่าจะหาคำตอบจากพระไตรปิฎกไม่ได้

ก็คือตรงที่ระบุว่า ท่านใช้เวลาส่วนมากกับการเจริญกายคตาสติ

ก็แล้วเวลาส่วนน้อยที่เหลือ ท่านใช้ไปกับอะไร?

 

พระไตรปิฎกนั้น มีเหตุมีผล มีประเด็นน่าสนุกสนานให้พิจารณาไตร่ตรอง

เพียงแต่อย่าอ่านแบบข้ามๆ

ไม่เจริญปัญญาเพราะถูกความเชื่อตามๆ กันมาปิดกั้นปัญญาเสียแล้ว

ถ้าอ่านอย่างคนมีปัญญา ก็จะได้แง่มุมเพื่อการปฏิบัติอีกมากมายทีเดียว

 ใครอยากทราบคำตอบ

ขอให้ลองเจริญกายคตาสติแบบใดก็ได้ดูเอาเอง

แล้วจะทราบแก่ใจเองว่า

อะไรที่เข้ามาแทรกการเจริญกายคตาสติอยู่เป็นระยะๆ ในช่วงสั้นๆ

โดยคุณ สันตินันท์ (นามปากกาของหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)

เมื่อวัน พฤหัสบดี ที่ 11 พฤศจิกายน 2542

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: New Files Uploaded (๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๖)

    New Files Updated วันพุธที่ ๒๑ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๖

  • 560818: ศาลากาญจนาภิเษก (ศาลาลุงชิน) ครั้งที่ ๖๑ แสดงธรรมเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๘ เดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ดูรูปกับดูนามนั้น ดูเป็นปัจจุบันไม่เหมือนกัน

mp3 (for download) : ดูรูปกับดูนามนั้น ดูเป็นปัจจุบันไม่เหมือนกัน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณความเอื้อเฟื้อภาพจากบ้านจิตสบาย

หลวงพ่อปราโมทย์ : เพราะฉะนั้นการดูจิตดูใจนะ เราจะดูตามหลังไปเรื่อยๆ ตามไปติดๆ เนี่ยบางคนบอกว่าหลวงพ่อปราโมทย์สอนผิด ไม่ดูปัจจุบัน ดูรูปกับดูนามนั้น คำว่าปัจจุบันนั้นไม่เหมือนกัน

ถ้าดูร่างกายนะเขาเรียกว่าปัจจุบันขณะคือในขณะนี้เลย ถ้าดูนามธรรมเนี่ยใช้ปัจจุบันสันตติ คือส่วนที่สืบเนื่องกับปัจจุบัน ทำไมดูปัจจุบันแท้ๆไม่ได้ ยกตัวอย่างเห็นจิตมีโทสะเนี่ย จะรู้ว่ากำลังมีโทสะ รู้ไม่ได้ เพราะทันทีที่สติเกิด โทสะดับไปเรียบร้อยแล้ว มันเลยเป็นการตามหลังตลอด

พระพุทธเจ้าก็สอนอย่างนั้นนะ ดูกรภิกษุทั้งหลาย จิตมีราคะ ให้รู้ว่ามีราคะ เห็นมั้ยราคะเกิดก่อนแล้วค่อยรู้ว่ามีราคะ จิตไม่มีราคะ ก็รู้ว่าไม่มีราคะ ความไม่มีราคะเกิดก่อนเพราะราคะดับไป แล้วก็ค่อยรู้เอา ดูกรภิกษุทั้งหลายจิตมีโทสะ โทสะเกิดแล้วก็ค่อยรู้ ค่อยรู้ว่ามีโทสะ เห็นมั้ยจิตไม่มีโทสะ ก็รู้ว่าไม่มีโทสะ กิเลสเกิดไปก่อน แล้วรู้ทีหลัง ตามหลังอย่างนี้แหละ

ค่อยๆหัดนะ หัดไปเรื่อย จนใจฉลาดขึ้น ดูความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง ดูกายจะเห็นตัวทุกข์ได้ชัด ถ้าดูจิตจะเห็นอนิจจังและอนัตตาได้ชัด ดูจิตนั้นดูให้เห็นตัวทุกข์ได้ยาก แต่ว่าบางคนเนี่ยจะต้องเห็นจิตเป็นตัวทุกข์นะ ถึงจะข้ามภพข้ามชาติได้ พวกที่ทรงสมาธิมากๆเนี่ย เวลาจะบรรลุพระอรหันต์เนี่ย จะต้องบรรลุด้วยการเห็นจิตเป็นตัวทุกข์


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖

File: 551208A
ระหว่างนาทีที่ ๒๓ วินาทีที่ ๒๘ ถึงนาทีที่ ๒๕ วินาทีที่ ๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : แวบแรกที่รู้ว่าโกรธ

แวบแรกที่รู้ว่าโกรธ

ถาม : จังหวะที่เกิดโกรธหรือจิตมันเคลื่อนไปทุกข์ให้ผมรู้ใช่ไหมครับว่าผมโกรธแล้ว ผมก็ไม่ต้องไปดูมันต่อไปเรื่อยๆ รู้แค่ครั้งเดียวพอจนมันดับไปเองจึงให้รู้อีกว่ามันดับใช่ไหมครับ ?

ตอบ : ถ้าแวบแรกที่รู้ว่าโกรธได้แล้ว เกิดสติตั้งมั่นขึ้นมา จะเห็นความโกรธดับลง

แต่ถ้าแวบแรกเห็นแล้ว แต่ความโกรธไม่ดับ ถ้ายังมีกำลังพอยังสำรวมกายวาจาได้อยู่

ก็ควรหัดดูต่อไปอีก หัดดูโดยไม่เพ่งจ้อง ไม่แทรกแซงอะไร

ดูซิว่าความโกรธมันเที่ยงไหม มันสั่งให้หายได้ไหม

หรือถ้าหัดดูแล้วเกิดไปเห็นว่า ไม่ชอบ/อยากหายโกรธ ก็ให้มาดูจิตที่ไม่ชอบ/อยากหายนั้นแทน

 แต่ถ้ารู้สึกว่าความโกรธแรงมากจนดูไม่ไหวเพราะใกล้จะแสดงออกตามความโกรธแล้ว

ก็ต้องหยุดดู แล้วใช้อุบายทำความสงบตามที่ถนัด เพื่อให้จิตสงบลงตามสมควร

ก่อนจะหัดดูสภาวะอื่นๆ ต่อไปครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Video: แสดงธรรม มหาวิทยาลัยมหาสารคาม พฤศจิกายน ๒๕๕๔

Link : http://www.youtube.com/watch?v=arA1hEln9Rg

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
บ้านโค้งดารา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
แสดงธรรมที่‏ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ตำบลขามเรียง อำเภอกันทรวิชัย
จังหวัดมหาสารคาม
เมื่อวันพุธ ที่ ๓๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๔

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Video: แสดงธรรม การไฟฟ้าฝ่ายผลิต พฤษภาคม ๒๕๕๔

Link : http://www.youtube.com/watch?v=-qDkkeGoWVM

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
บ้านโค้งดารา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
แสดงธรรมที่‏ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
53 หมู่ 2 ถนนจรัญสนิทวงศ์ ตำบล/อำเภอบางกรวย
จังหวัดนนทบุรี
เมื่อวันจันทร์ ที่ ๓๐ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ทำกรรมฐานแล้วรู้ทันจิต จะได้สมาธิที่เอื้อให้เจริญวิปัสสนา

mp3 (for download) : ทำกรรมฐานแล้วรู้ทันจิต จะได้สมาธิที่เอื้อให้เจริญวิปัสสนา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณความเอื้อเฟื้อภาพจากบ้านจิตสบาย

หลวงพ่อปราโมทย์ : ถ้าจะเอาสมาธิชนิดที่ใช้เจริญปัญญาต้องคอยรู้ทันจิต เพราะฉะนั้นบทเรียนที่จะได้สมาธิที่รู้ทันจิต ได้สมาธิที่ถูกต้อง ต้องรู้ทันจิต พระพุทธเจ้าถึงได้เรียกว่า “จิตตสิกขา” ศีลสิกขา จิตตสิกขา ได้สมาธิที่ถูกต้อง ให้คอยรู้ทันจิตนะ

พุทโธๆ หนีไปคิด รู้ทัน จิตไปเพ่งความนิ่งๆว่างๆอยู่ รู้ทัน ถ้าใช้ลมหายใจก็หายใจไป รู้สึกตัวไป หายใจไปจิตหนีไปคิด รู้ทัน ก็กลับมารู้สึกตัวอีก หายใจไปจิตไปเพ่งอยู่ที่ลมหายใจเพราะว่ากลัวจะหลง ก็เลยไปเพ่งอยู่ที่ลมหายใจ ก็รู้ทันอีกว่าจิตไหลไปเพ่งที่ลมหายใจแล้ว

เนี่ยทำกรรมฐานแล้วรู้ทันจิตนะ จิตหนีไปคิดก็รู้ จิตรู้สึกตัวขึ้นมา ก็รู้ จิตไปเพ่งลมหายใจหรือไปเพ่งมือเพ่งเท้าเพ่งท้องอะไร ก็รู้ ฝึกให้มากต่อไปจิตเคลื่อนไปปุ๊บเนี่ย สติจะเกิดเอง เพราะสติจะเกิดได้ไม่ใช่เพราะมีใครสั่งสติให้เกิดได้ สติจะเกิดเมื่อมีเหตุของสติ เหตุใกล้ให้เกิดสติเรียกว่า “ถิรสัญญา” ถอถุงสระอิรอเรือ ถิระ.. สัญญา

ถิรสัญญาคือการที่จิตจำสภาวะได้แม่น จิตจะจำสภาวะได้แม่นถ้าจิตเคยเห็นสภาวะบ่อยๆ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องพาจิตให้ดูสภาวะบ่อยๆ พุทโธไป หายใจไป จิตหนีไปแล้วรู้เนี่ย ต่อไปจิตหนีไปนะ จิตจำสภาวะที่จิตหนีไปได้แม่น อ้อ..อย่างนี้หลงไปแล้วนะ อย่างนี้ไหลไปเพ่ง อย่างนี้ไหลไปคิด พอจิตจดจำได้แม่นนะ พอไหลไปเพ่งปุ๊บ มันก็รู้สึกตัวขึ้นมาเลย สติระลึกได้ หรือไหลไปคิด จิตจดจำสภาวะที่ไหลไปคิดได้แล้ว พอไหลไปคิดสติระลึกปั๊บ เออนี่ไหลไปคิดแล้ว มีคำว่าแล้วด้วย คือมันเป็นไปก่อน

ตอนที่หลงอยู่นะมันมีสติไม่ได้ เพราะตอนที่หลงจิตมีความฟุ้งซ่าน มีโมหะ ตอนที่สติเกิดน่ะมันไม่หลงแล้ว ก็เลยต้องมีคำว่าแล้ว เมื่อกี้นี้เผลอ ตอนนี้รู้สึก เพราะฉะนั้นการดูจิตดูใจนะ เราจะดูตามหลังไปเรื่อยๆ ตามไปติดๆ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖

File: 551208A
ระหว่างนาทีที่ ๒๑ วินาทีที่ ๑๙ ถึงนาทีที่ ๒๓ วินาทีที่ ๓๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เกร็ดธรรมคุณสันตินันท์ : ผู้อยู่ใกล้อาจารย์ ไม่แน่ว่าดีเสมอไป

ผู้อยู่ใกล้อาจารย์ ไม่แน่ว่าดีเสมอไป

ผมได้ยินคำปรารภเชิงรำพันของผู้ปฏิบัติอยู่บ่อยครั้งว่า   ตนเองเข้าวัดช้า หรือเริ่มปฏิบัติช้า ไม่ทันได้ศึกษากับครูบาอาจารย์ที่ดี  นับว่าเป็นผู้อาภัพอับวาสนาเสียเหลือเกิน

ความจริงคนเราย่อมได้สิ่งที่สมควรกับตนเองเสมอ   หากเป็นเวลาก่อนหน้านี้ เรายังไม่สนใจธรรมะ  แม้จะพบครูบาอาจารย์ที่ดีเพียงใด ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมาในทางกลับกัน

อาจจะเกิดโทษเสียด้วยซ้ำไป  เช่นเมื่อได้ฟังธรรมในขณะที่ไม่พร้อมจิตใจอาจจะเหมือนเชื้อโรคดื้อยา

คือธรรมะอะไรก็รู้แล้วทั้งนั้น  เวลาจะลงมือปฏิบัติธรรมจริงๆ  ไม่ว่าจะฟังธรรมบทใดก็คิดแต่ว่ารู้แล้ว รู้แล้ว   ธรรมไม่สามารถแทรกซึมเข้าสู่จิตใจได้เลย

              บางคนอยู่กับครูบาอาจารย์ที่ดี แต่กิเลสเต็มหัวใจ  แทนที่จะได้ประโยชน์ กลับก่อบาปกรรมให้ กับตนเองก็มี

       ผมผ่านสำนักกรรมฐานมามาก ก็พบว่าหลายๆ สำนัก จะมีคนประเภทนี้เสมอคือเข้าไปอยู่กับครูบาอาจารย์ ในลักษณะเป็นกบเฝ้ากอบัว  

คือได้แต่เฝ้า แต่ไม่เคยได้กินน้ำหวานของดอกบัวเลย   หมายถึงไปอยู่กับท่าน แต่ไม่รู้รสธรรมจริงๆ เลยที่แย่กว่านั้น บางคนคุ้นเคยกับครูบาอาจารย์มากเข้า 

ก็แสดงความชั่วหยาบของตนออกมาเที่ยวแสวงหาผลประโยชน์ หรือกระทำสิ่งที่ไม่สมควรต่างๆ  แบบนี้ก็มีให้เห็นอยู่เสมอๆ

               พวกเราผู้ปฏิบัติ จึงไม่ควรน้อยเนื้อต่ำใจ   ว่าเราไม่ได้พบครูบาอาจารย์ที่ดี เช่นบางคนบ่นเสียดายว่าไม่ได้พบหลวงปู่ดูลย์   เหมือนที่ผมเคยคิดน้อยใจตอนเด็กๆ ว่า ไม่ได้พบหลวงปู่มั่น

               ที่เขียนเรื่องนี้ขึ้นมาก็เพื่อบอกกับพวกเรา 2 ประการคือ

              ประการแรก การที่พวกเราเริ่มสนใจการปฏิบัติธรรม ในขณะที่พระพุทธศาสนายังดำรงอยู่อย่างสมบูรณ์    นับว่าเป็นวาสนาอย่างยิ่งอยู่แล้ว 

ไม่จำเป็นต้องเสียดายว่า ไม่ได้พบครูบาอาจารย์องค์นั้นองค์นี้  เพราะเราได้พบตัวแทนพระพุทธเจ้า คือพระธรรม อยู่แล้ว

 

              ประการที่ 2 การจะเข้าวัด จะต้องรู้จักพิจารณาให้รอบคอบ  เพราะของปลอม มีมานานแล้วครับ  

โดยเฉพาะผู้หญิงทั้งหลายนั้น ต้องรอบคอบให้มากหน่อย    อย่าให้ความศรัทธา นำหน้าปัญญาเป็นอันขาด   เพราะพอหลงศรัทธาแล้ว ก็มักทำบุญหนักมากกว่าผู้ชายเสียอีก

ทำบุญแล้วได้บำรุงพระศาสนาก็ดีไป เกิดเอาไปบำรุงอลัชชีเข้า ประโยชน์ที่ได้ไม่คุ้มเสียครับ

โดยคุณ สันตินันท์ (นามปากกาของหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)

เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2542

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Video: แสดงธรรม ณ วัดอุโมงค์ จ.เชียงใหม่

Link : http://www.youtube.com/watch?v=_gIwBdjKaJA

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
บ้านโค้งดารา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
แสดงธรรมที่‏ วัดอุโมงค์
ตำบสุเทพ อำเภอเมือง
จังหวัดเชียงใหม่
เมื่อวันอาทิตย์ ที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๕๔

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เมื่อยังจนอริยทรัพย์ ก็ต้องขยันภาวนา

mp3 (for download) : เมื่อยังจนอริยทรัพย์ ก็ต้องขยันภาวนา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณความเอื้อเฟื้อภาพจากบ้านจิตสบาย

หลวงพ่อปราโมทย์ : เราก็ต้องขยันหน่อย เพราะว่าจน บางคนเขาประเภทคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด เขาฟังธรรมะประโยค สองประโยค เขาปิ๊งแล้ว เราไม่ปิ๊ง เราแป๊ก ฟังแล้วแป๊ก แป๊ก

เกิดมาจนต้องขยัน ถ้าเรายังจนด้วยอริยทรัพย์เราก็ต้องขยันภาวนาเอา เดี๋ยววันหนึ่งเราก็รวยขึ้นมาได้ ส่วนท่านที่รวยไปก่อนแล้วท่านก็นิพพานไปหมดแล้ว ทิ้งสมบัติไว้กับโลกไม่ได้เอาไปด้วยหรอก อยู่ที่เราไปเก็บเกี่ยวเอา สมบัติเป็นของกลาง ธรรมะก็ของกลางของโลก ไม่ได้เอาไปนิพพานด้วยหรอก

เพราะฉะนั้นพวกเราต้องอดทนให้มากนะ พยายามดูไปเรื่อย ตั้งใจรักษาศีล ๕ ไว้ ทุกวันต้องฝึกให้ใจอยู่กับตัว วิธีฝึกให้จิตใจอยู่กับเนื้อกับตัวก็คือ อย่าใจลอยนาน ถ้าใจลอยเมื่อไหร่ก็ลืมกายลืมใจ อย่างนี้เรียกว่าไม่มีสมาธิ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

วิธีที่จะไม่ให้ใจลอยนานก็ต้องซ้อมต้องฝึก ทำกรรมฐานอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นมา พุทโธก็ได้ รู้ลมหายใจก็ได้ อะไรก็ได้นะ สักอย่างหนึ่งขึ้นมา เลือกที่ทำแล้วสบายใจ วิธีที่ทำแล้วเครียดไม่ต้องไปทำ

ยกตัวอย่างบางคนไปดูท้องพองยุบแล้วเครียด เกร็ง เครียด โรคจิตจะกินแล้วนะ ก็ไม่ต้องเอา กรรมฐานมีตั้งเยอะแยะ เราก็เลือกกรรมฐานที่ทำแล้วสบายใจ บางคนรู้ลมหายใจแล้วขาดสติ เคลิ้ม เห็นโน่นเห็นนี่ไป ก็ไม่เอา

เอาสมาธิที่มันรู้เนื้อรู้ตัว ไม่ให้เคลิ้มไม่ให้หลงไป ทำกรรมฐานอย่างหนึ่งขึ้นมาก่อน แล้วคอยรู้ทันจิต ไม่ใช่ทำกรรมฐานอย่างหนึ่งขึ้นมาเพื่อให้จิตสงบ ปรับนิดนึง เราคุ้นเคยแต่ว่าจะทำกรรมฐานอย่างหนึ่งเพื่อให้จิตสงบ อย่างนั้นมันสมถกรรมฐาน ถ้าจะเอาสมาธิชนิดที่ใช้เจริญปัญญานะ ต้องคอยรู้ทันจิต


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖

File: 551208A
ระหว่างนาทีที่ ๑๙ วินาทีที่ ๑๙ ถึงนาทีที่ ๒๑ วินาทีที่ ๒๔

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : อยากเห็นนิพพาน

อยากเห็นนิพพาน

ถาม : ผมรู้สึก…อยากสัมผัสพระนิพพาน…สักแว้บก็ยังดี… มันรู้สึกอยากอะครับ

ถ้าเป็นอย่างนี้..เวลาผมทำบุญ  ผมจะอธิฐาน…ขอให้ได้สัมผัสพระนิพพาน..แบบนี้ได้หรือไม่ครับ มันจะเป็น…ความอยากที่ไปปิดกั้นหรือไม่ครับ?

ตอบ : ความอยากเป็นสมุทัย

การทำตามความอยากจึงเท่ากับทำเหตุของทุกข์

ผลที่ได้ก็จะได้ทุกข์ แล้วจะสัมผัสพระนิพพานที่เป็นความพ้นทุกข์ได้ยังไงละครับ

 

ฉะนั้นเมื่อใดที่เกิดความอยาก ซึ่งเราห้ามไม่ให้เกิดก็ไม่ได้นั้น

เราก็ต้องมาหัดรู้ทันจิตที่มีความอยากด้วยการแค่รู้แค่ดูไป

การรู้ทันจิตที่อยากนี้จะเป็นการทำให้สติปัญญาเจริญขึ้นจนละสมุทัยลงได้ในที่สุด

เมื่อละสมุทัยได้ จึงจะสัมผัสพระนิพพานได้

 

ส่วนการอธิษฐานว่า ขอให้ได้สัมผัสพระนิพพาน

ถ้าไม่เข้าใจว่าการจะสัมผัสพระนิพพานต้องทำเหตุอย่างไร

แล้วไม่ได้ทำเหตุนั้น ก็จะสัมผัสพระนิพพานไม่ได้หรอกครับ

 

การอธิษฐานใดๆ ก็ตาม แท้จริงแล้ว

คือการที่เราประกาศความตั้งใจว่าจะทำสิ่งใดให้สำเร็จ

เมื่อประกาศคามตั้งใจแล้วก็ต้องลงมือทำให้เกิดความสำเร็จ

ไม่ใช่ประกาศความตั้งใจแล้วนั่งรอนอนรอสิ่งนั้น

แม้จะรอไปอีกนานแค่ไหน สิ่งนั้นก็ไม่เกิดขึ้นหรอกครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: New Files Uploaded (๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๖)

    New Files Updated วันอาทิตย์ที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๖

  • 560428B: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕o แสดงธรรมเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๘ เดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๕๖
  • 560428A: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕o แสดงธรรมเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๘ เดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๕๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

บารมีน้อยก็ต้องพากเพียรให้มาก

mp3 (for download) : บารมีน้อยก็ต้องพากเพียรให้มาก

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขอขอบคุณความเอื้อเฟื้อภาพจากบ้านจิตสบาย

หลวงพ่อปราโมทย์ : ทีนี้พวกเรา กิเลสยังแรง แค่นึกถึงชีวิตเกิดได้ดับได้ มันจะต่อเลย แต่ตอนนี้ยังไม่ดับ ทำอะไรก็ทำไปก่อน ไม่ล้างกิเลส ก็ต้องดูให้มันละเอียดขึ้นไปอีก ไปให้เห็นเลยว่ามันทุกข์อยู่ทุกขณะนะ อย่าหลงอย่าเพลินนะ

ถ้าเราแยกรูปแยกนามออกไปแล้วเราจะเห็นเลยว่า ความทุกข์บีบคั้นอยู่ทุกขณะจิตเลย อย่าได้หลงเพลิดเพลินกับโลกเลย พวกหลงโลกมากก็ต้องดูให้มันละเอียดยิบเลย เห็นแต่ทุกข์เยอะแยะไปหมดเลย หายใจออกก็ทุกข์หายใจเข้าก็ทุกข์ ยืนก็ทุกข์เดินก็ทุกข์นั่งก็ทุกข์นอนก็ทุกข์ ต้องเห็นอย่างนั้น

หรือเห็นจิตเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงตลอด จิตสุขก็ชั่วคราว จิตทุกข์ก็ชั่วคราว จิตดีก็ชั่วคราว จิตร้ายก็ชั่วคราว แล้วก็เห็นอนัตตา จิตจะสุขก็สั่งไม่ได้ จิตจะทุกข์ก็สั่งไม่ได้ ห้ามทุกข์ไม่ได้ ทุกข์แล้วสั่งให้หายก็ไม่ได้ จิตเป็นอนัตตาสั้งให้ดีมันก็ไม่ค่อยจะดี ห้ามชั่วมันก็ชอบชั่ว อะไรอย่างนี้

เฝ้าดูลงไปจะเห็นเลยว่ามีแต่ของน่าเอือมระอา ร่างกายนั้นมีแต่ความทุกข์บีบคั้นอยู่ตลอดเวลา จิตใจมีแต่ความไม่เที่ยงมีแต่ความเป็นอนัตตา เห็นซ้ำๆซ้ำๆใจก็เบื่อ หาสาระแก่นสารไม่ได้

บารมีเราน้อยเราก็ต้องมาภาวนาให้มันละเอียดขึ้น คนที่เขาบารมีมากเจอพระพุทธเจ้า บางคนฟังธรรมนิดๆหน่อยๆนะ ไม่ได้ยินเรื่องรูปเรื่องนามอะไรหรอก ใจเขาก็ยอมรับนะ ใจเขาตัดได้ เพราะเขาสะสมของเขามามาก

พวกเราเนี่ยขอให้เชื่อมั่นอย่างหนึ่งนะ ว่าสะสมมาน้อย ถ้าสะสมมามากคงไปฟังธรรมตรงจากพระพุทธเจ้าแล้วล่ะ หรือพวกเราในนี้อาจจะเคยฟังธรรมตรงจากพระพุทธเจ้ามาแล้วนะ แต่ยุคนั้นบารมีเราน้อย เราฟังแล้วไม่รู้เรื่อง เราฟังเทวฑัตรู้เรื่อง ตามเทวฑัตไปนะ

เพราะฉะนั้นสันนิษฐานไว้ก่อนว่า พวกเราบารมีน้อย แทนที่จะได้เรียนตรงจากพระพุทธเจ้า กลับต้องมาเรียนจากสาวก ในเมื่อบารมีน้อยก็ต้องพากเพียรให้มาก คล้ายๆเราจนน่ะ อยากจะดีก็ต้องขยันให้หนักกว่าคนที่เขารวยอยู่แล้ว เราจนด้วยอริยทรัพย์ ศีลเรากะพร่องกะแพร่ง สมาธิเราก็ไม่ดี การศึกษาธรรมะได้ยินได้ฟังก็น้อย การเจริญปัญญาก็ยังไม่มาก เรียกว่าเรายังจนอยู่ในอริยทรัพย์ เราก็ต้องขยันหน่อย เพราะว่าจน


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันเสาร์ที่ ๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖

File: 551208A
ระหว่างนาทีที่ ๑๖ วินาทีที่ ๒๙ ถึงนาทีที่ ๑๙ วินาทีที่ ๒๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เกร็ดธรรมคุณสันตินันท์ : หัวใจของการปฏิบัติตามสายหลวงพ่อเทียน

หัวใจของการปฏิบัติตามสายหลวงพ่อเทียน

ครูบาอาจารย์ที่พวกเรารู้จักและเคารพนับถือ

ส่วนมากจะเป็นพระป่าสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตตเถระ

ซึ่งหลักคำสอนของท่านจะเริ่มโดยให้บริกรรมพุทโธ

พอจิตสงบแล้วจึงเจริญกายคตาสติ

แล้วในขั้นสุดท้ายจึงข้ามภพข้ามชาติกันด้วยการพิจารณาจิต พิจารณาธรรม

(มีบ้างส่วนน้อย ที่ครูบาอาจารย์สายนี้บางองค์

ปรับวิธีการปฏิบัติแตกต่างจากแนวทางหลักนี้ไปบ้าง

เช่นหลวงปู่ดูลย์ จะสอนศิษย์บางท่านให้ข้ามการเจริญกายคตาสติไปเลย

หรือหลวงพ่อทูล ไม่นิยมให้ศิษย์บริกรรมพุทโธ เป็นต้น)

 

ที่จริงท่านผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ

ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะในแวดวงพระป่าสายหลวงปู่มั่น

ยังมีท่านผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบในสายอื่นๆ อยู่อีก

เท่าที่ผมทราบแนวทางปฏิบัติของท่านก็เช่น

ท่าน ก.เขาสวนหลวง และหลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ แห่งวัดสนามใน เป็นต้น

หลวงพ่อเทียนนั้น แรกเริ่มที่ปฏิบัติ ท่านก็บริกรรมพุทโธเหมือนกัน

แต่ไม่ประสบความสำเร็จใดๆ เลย เพราะไม่ถูกจริตของท่าน

ต่อมาท่านประสบความสำเร็จในการปฏิบัติธรรม

ด้วยการเคลื่อนไหวกายอย่างเป็นจังหวะ เพื่อสร้าง ความรู้สึกตัว

คือ “ให้รู้สึกตัว…ตื่นตัว รู้สึกใจ…ตื่นใจ”

จนกระทั่งเกิดญาน ปัญญาเป็นลำดับไปจนถึงที่สุด

ผมขอเสริมคำสอนของหลวงพ่อเทียนสักเล็กน้อยครับ

 

ประการแรก หัวใจของการปฏิบัติตามแนวทางของท่าน

คือการเจริญสติ ระลึกรู้ความเคลื่อนไหวของกาย

จะเคลื่อนแบบทำจังหวะก็ได้

จะรู้อยู่ในชีวิตประจำวันก็ได้

รวมตลอดไปถึงการรู้ความรู้สึกนึกคิดด้วย

 

ประการที่ 2 ท่านให้รู้ความเคลื่อนไหว โดยไม่ต้องใช้ความคิดกำกับลงไป

เช่นจะเดินก็ไม่ต้องกำหนดคิดว่า ยกหนอ ย่างหนอ

 

ประการที่ 3 ท่านเน้นเรื่องความต่อเนื่อง

ถ้าทำต่อเนื่องก็ได้ผล ทำไม่ต่อเนื่องก็ไม่ได้ผล

 

ประการที่ 4 ท่านไม่เน้นเรื่องการทำความสงบ

ซึ่งจุดนี้มีข้อถกเถียงกันได้มากเหมือนกันครับ

เพราะผู้ทำความสงบก่อน แล้วเจริญสติได้ผล ก็มี

ที่เจริญสติไปเลย แล้วเกิดความสงบทีหลัง ก็มี

อันนี้คงต้องสังเกตตนเองเอาเอง

ว่าทำอย่างใดแล้วสติสัมปชัญญะดีขึ้น ก็เอาอย่างนั้นแหละ

 

ประเด็นสุดท้าย อันนี้ไม่ได้เสริมคำสอนของหลวงพ่อ

แต่เป็นข้อสังเกตว่า คำสอนเรื่องความรู้ตัว เป็นสิ่งที่เข้าใจยากมาก

นักปฏิบัติจำนวนมาก ไปกำหนดรู้อารมณ์ในขณะที่จิตกำลังหลง กำลังเคลื่อน กำลังฝัน

แต่หลงคิดว่า กำลังรู้ตัวอยู่

แม้จะขยับมือตามจังหวะ ก็หลงอยู่กับความคิดเรื่องการเคลื่อนไหวมือบ้าง

หรือจิตเคลื่อนเข้าไปเพ่ง/แช่ อยู่กับมือบ้าง

ปัญหาเกี่ยวกับการทำความรู้จักกับ ความรู้ตัว

จึงเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดสำหรับนักปฏิบัติทั้งหลาย

 

หากผู้ปฏิบัติมีความรู้ตัวขึ้นเมื่อใด

รูป เวทนา สัญญา และสังขาร จะกลายเป็นสิ่งที่ถูกรู้

และไม่ใช่ตัวเราในทันทีนั้น

และในระหว่างที่รู้ตัวอยู่นั้น

ก็จะเห็นความเจริญและความเสื่อมของจิตอยู่เสมอ

เป็นการป้อนข้อมูลที่เป็นจริงให้จิตได้เรียนรู้

สวนทางกับความหลงผิดเก่าๆ ของจิต

ที่เห็นว่าขันธ์ 5 เป็นเรา เราเป็นขันธ์ 5

 

เมื่อจิตได้เห็นความจริงมากเข้าๆ จนยอมจำนนต่อข้อเท็จจริงแล้ว

จิตจึงจะยอมรับความจริงว่า

สิ่งใดเกิดขึ้น สิ่งนั้นก็ดับไป

และไม่มีสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

ที่จะเป็นตัวเรา ของเรา อย่างแท้จริง

 ปราศจากความรู้ตัว ผู้ปฏิบัติจะเข้ามาถึงจุดที่ว่านี้ไม่ได้เลย

โดยคุณ สันตินันท์ (นามปากกาของหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)

เมื่อวัน พุธ ที่ 31 พฤษภาคม 2543

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Page 2 of 41234