ดูความคิดเพื่อรู้จิต
ความคิดก็คือสังขารขันธ์อันหนึ่ง เหมือนสังขารอื่นๆ
เช่นราคะ โทสะ โมหะ วิจิกิจฉา ความสงบ ความฟุ้งซ่าน ฯลฯ
เราเพียงรู้สังขารหรือกระแสความปรุงแต่งที่เกิดขึ้นและดับไปเท่านั้นก็พอ
ไม่จำเป็นจะต้องไปดูว่าคิดอะไร
และไม่จำเป็นต้องวิจารณ์ความคิดด้วย ว่าดีหรือไม่ดี ถูกหรือผิด
เพราะจุดสำคัญ อยู่ที่เราต้องการดูจิตให้ออก
ว่าจิตมีความยินดียินร้ายต่อสิ่งที่ถูกรู้ (ในกระทู้นี้ความคิดเป็นสิ่งถูกรู้) หรือไม่
และจิตถูกกิเลสตัณหาครอบงำหรือไม่ (กิเลสมันวิ่งตามความคิดมา)
เพราะถ้าเฝ้าดูความคิดตรงๆ บางคนจะเหนื่อยมาก
หรือไปหลงกับบัญญัติ อันเป็นถ้อยคำหรือเรื่องราว
แทนที่จะเห็นสภาวะหรือปรมัตถ์ คือกระแสความปรุงแต่งของจิตที่เกิดดับยิบยับไป
แต่บางแห่งท่านก็แนะนำให้เฝ้ารู้ความคิดเอา ว่าคิดอะไร ดีหรือเลว
เพื่อหาอุบายสอนจิตให้รู้จักพิจารณาเพื่อปล่อยวาง
จึงอยู่ที่ว่าคุณต้องการจะทำแบบไหน ก็ตามสะดวกครับ
คือจะใช้อุบายตามดูความคิดเพื่อให้จิตสงบเสียก่อนในขั้นต้น ก็ได้
สำหรับผมเอง จะเพียงเห็นความคิดผุดขึ้นแล้วก็ดับไปเท่านั้น
บางครั้งเมื่อสัญญาแปลกระแสความปรุงแต่งแล้ว ก็จะรู้ว่าคิดอะไร
แต่บางคราว เพียงเห็นสิ่งบางสิ่งเกิดแล้วดับไปยิบยับๆ ไม่แปลว่าคิดเรื่องอะไร
ผมไม่ได้ใช้วิธีคิดอบรมจิต และไม่เฝ้าดูเรื่องที่คิดให้เป็นภาระกับจิต
แต่ใช้รู้ความปรุงแต่งที่กำลังปรากฏ
แล้วถ้าจิตเกิดยินดียินร้ายขึ้นมา ก็จะมารู้อยู่ที่จิตอีกชั้นหนึ่งครับ
โดยคุณ สันตินันท์ (นามปากกาของหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)
เมื่อวัน จันทร์ ที่ 17 เมษายน 2543
เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓
ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่
สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่
ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่
คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่