Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๔) สรุปอานาปานสติสำหรับผู้เดินสมาธินำปัญญา

mp3 for download: อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๔) สรุปอานาปานสติสำหรับผู้เดินสมาธินำปัญญา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๔) สรุปอานาปานสติสำหรับผู้เดินสมาธินำปัญญา

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๔) สรุปอานาปานสติสำหรับผู้เดินสมาธินำปัญญา

หลวงพ่อปราโมทย์ : เมื่อเช้าหลวงพ่อพูดเรื่องอานาปานสติให้ฟัง ไม่มีที่ไหนหรอก อย่างนี้ ในตำราก็ไม่ได้เขียนไว้มากมายอย่างนั้น ไม่ได้แจกแจงพิสดาร อานาปานสติ เรามีสติอยู่ทุกลมหายใจ อย่างนี้ดี มีสติไปอยู่ที่ลมหายใจ ลมหายใจจะค่อยๆสั้น ทีแรกลมยาว หายใจแล้วก็สั้นขึ้นๆ กลายเป็นความสว่าง อย่างนี้ก็ยังดี ได้สมถะ ถ้าหายใจแล้วเคลิ้ม ขาดสติไป อันนี้ไม่ดี สติอ่อนไป หายใจแล้วแน่นแข็งป๊อกขึ้นมาเลย เครียดๆ แข็งๆ นี่ สติแรงไป ไม่ดี จงใจมากไป

ถ้าพอดีๆ ลมหายใจสบายๆ ลมจะค่อยสั้นๆ สว่าง พอสว่างแล้ว จะเล่นกสิณก็ได้ เล่นกสิณแสงสว่าง อยากรู้อยากเห็นอะไรก็รู้ได้อยู่ ได้ทิพยจักษุ ได้กสิณแสงสว่าง หรือกสิณลม กสิณลมก็ได้ เห็นลมหายใจมันไหลเข้าไหลออก เป็นกสิณดินก็เห็นร่างกายที่หายใจ ไม่ได้ดูตัวลมตรงๆ แต่ลมหายใจมันก็อิงอยู่กับร่างกาย ก็ใช้ได้

ทำได้หลายอย่าง พลิกแพลงได้เยอะแยะ ถ้าไม่เล่นกสิณก็ไม่เป็นไร ไม่ให้จิตเข้าไปจับลมนะ แล้วสงบเข้ามา เข้าอุปจารสมาธิ พอได้อุปจารสมาธิแล้ว เดินปัญญาในอุปจารสมาธิก็ได้ เลยเข้าอัปปนาสมาธิ ไปพักอยู่ในอัปปนาสมาธิ เป็นที่พักของจิตก็ได้ ทำสมถะแล้วออกจากอัปปนาสมาธิ มาแยกธาตุแยกขันธ์ มาเดินปัญญา อันนี้เป็นสมาธินำปัญญา

08m12-10m12

ขอขอบคุณพี่ maibok @wimutti.net สำหรับเนื้อหาของ clip ช่วงนี้

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
วันอาทิตย์ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ หลังฉันเช้า

CD: 42
File: 541106B.mp3
นาทีที่ ๘ วินาทีที่ ๑๒ ถึง นาทีที่ ๑๐ วินาทีที่ ๑๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

รู้สภาวะแล้ว จิตยินดียินร้ายให้รู้ทันอีก

mp 3 (for download) : รู้สภาวะแล้ว จิตยินดียินร้ายให้รู้ทันอีก

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : คอยดูใจของเรานะเวลามันรู้สภาวะขึ้นมา เช่นมันเห็นความสุขเกิดขึ้นมา มันหลงยินดีให้รู้ทัน มันเกิดความทุกข์ขึ้นมา มันหลงยินร้ายให้รู้ทัน หรือภาวนาเจริญสตินะ สติเกิดถี่ยิบเลย พอใจรู้ทัน ช่วงนี้สติไม่เกิดเลยสติแตก เสื่อมไปกรรมฐานเสื่อม เสียใจกลุ่มใจทุรนทุราย รู้ทันลงไปว่าไม่พอใจอยู่ เนี่ย ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นนะรู้ลงไปที่ใจของเรา

เบื้องต้นแค่เห็นสภาวะก่อน เช่นร่างกายเคลื่อนไหวรู้สึก จิตใจเคลื่อนไหวรู้สึก โลภโกรธหลงเกิดขึ้นก็รู้อะไรรู้ ถ้ารู้แล้วนะต่อไปก็ลึกซึ้งขึ้นมาอีก สังเกตเข้ามาถึงจิตถึงใจ มันจะเข้ามาสังเกตได้เองแหล่ะ อย่าจงใจสังเกตนะ มันจะเห็นความยินดียินร้ายที่เกิดขึ้น

งั้นเบื้องต้นรู้สภาวะนะ ถัดมาก็รู้ความยินดียินร้ายต่อสภาวะนั้น เมื่อเรารู้ความยินดียินร้ายต่อสภาวะนั้น ความยินดียินร้ายจะดับไป ใจก็เป็นกลางขึ้นชั่วขณะ ก็ไปรู้สภาวะอีก ก็หลงยินดียินร้ายอีก รู้ทันความยินดียินร้ายอีกนะ ความยินดียินร้ายดับอีกชั่วขณะ เดี๋ยวกระทบอารมณ์ก็เกิดอีก เกิดไปจนวันนึงปัญญามันแจ้งขึ้นมาว่า ทุกสิ่งทุกอย่างนี้เป็นไตรลักษณ์ เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์เป็นอนัตตา คราวนี้มันจะไม่ยินดียินร้ายของมันเองแล้ว

เบื้องต้นไม่ยินดียินร้ายเข้าไปรู้ทันความยินดียินร้ายเข้าเราจะได้ไม่ปรุงนาน พอฝึกมากเข้ามากเข้าเนี่ย มันเข้าใจความเป็นจริงของสังขารคือความปรุงแต่งทั้งปวง ทั้งรูปธรรมทั้งนามธรรม ทั้งกายทั้งใจ เข้าใจแล้วว่ามันไม่เที่ยงมันเป็นทุกข์เป็นอนัตตา มันจะหมดความยินดียินร้ายไปเอง นี่เป็นการที่มันเข้าถึงความยินดียินร้ายด้วยปัญญา ไม่ใช่ด้วยสติ

เบื้องต้นรู้ด้วยสตินะ เห็นจิตมันยินดีก็รู้ อย่างไปเห็นสาวสวยใจมันชอบนะ เราเห็นลงไปรู้ทันความชอบนี้ ใจไม่ชอบอีกแล้วอยากให้หายราคะ อยากให้หาย รู้ทันลงไปที่ความอยากให้ราคะดับอีกมันยินร้ายอีกแล้ว ถ้ารู้อย่างนี้นะอย่างนี้เรียกว่ารู้ด้วยสติ รู้ไปเรื่อยๆ ทันทีที่รู้ด้วยสตินะ ความยินดียินร้ายก็ดับ แต่ดับชั่วคราว ต่อไปพอซ้ำแล้วซ้ำอีก เห็นสภาวะเกิดดับไปเรื่อยๆ เห็นเป็นไตรลักษณ์ไปเรื่อย ต่อไปก็รู้ด้วยปัญญา เห็นว่าทุกอย่างเป็นของชั่วคราว ไม่รู้จะยินดีไปทำไม ไม่รู้จะยินร้ายไปทำไม อย่างนี้รู้ด้วยปัญญา

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันเสาร์ที่ ๘ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๑ ก่อนฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๒๗
Track: ๑๐
File: 511108A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๘ วินาทีที่ ๒๙ ถึง นาทีที่ ๑๐ วินาทีที่ ๕๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ธรรมะจะสามัคคีโค่นล้มกิเลสได้ ต้องอาศัยสมาธิ

mp3 (for download) : ธรรมะจะสามัคคีโค่นล้มกิเลสได้ ต้องอาศัยสมาธิ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ธรรมะจะสามัคคีโค่นล้มกิเลสได้ ต้องอาศัยสมาธิ

ธรรมะจะสามัคคีโค่นล้มกิเลสได้ ต้องอาศัยสมาธิ

หลวงพ่อปราโมทย์ : ตัวที่จะทำให้ธรรมะสามัคคีกันคือตัวสมาธิ สมาธิเนี่ยเป็นภาชนะเป็นที่รองรับองค์ธรรมฝ่ายกุศลทั้งหมดเลย ให้รวมเข้ามาในจุดเดียวกันคือรวมลงมาที่จิต ไปรวมที่อื่นก็ไม่ได้นะ นั่นสมาธิออกนอกจิตไปรวมอยู่ที่อื่นนะธรรมะไม่สามัคคีกัน

ธรรมะจะสามัคคีได้เนี่ยอาศัยพลังของสมาธิในระดับฌานขึ้นไป ตั้งแต่ปฐมฌานเลยจิตรวมลงที่จิต งั้นฌานแท้ๆนี่จิตไม่ไปรวมอยู่ที่อื่นนะ จิตรวมลงที่จิต แล้วสติสมาธิปัญญาอะไรต่ออะไรนะ คุณงามความดี โพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการ อิทธิบาท อะไรต่ออะไรนะ มันจะเกิดร่วมกันที่จิต เกิดพร้อมๆกันที่จิต เพราะธรรมะสามัคคีกันได้ถึงจะโค่นล่มกิเลสได้

กิเลสนะสามัคคีกันมาตลอดเลยรักกันเหนียวแน่นนะ มีหมัดตามมาเป็นชุดๆเลยเวลากิเลสมา อย่างเป็นต้นว่าวันไหนเราฟุ้งซ่านตามใจกิเลสนะ ไปเดินห้างเล่นฟุ้งซ่านดูอะไรเพลินไป เดี๋ยวราคะก็เกิดแล้ว เห็นอันนู้นก็อยากได้เห็นอันนี้ก็อยากได้ พออยากได้แล้วไม่มีสตางค์จะซื้อนะ โทสะก็เกิดแล้ว ไม่สบายใจ กิเลสเล่นเป็นทีมเลยนะ อาศัยความฟุ้งซ่านของจิตนะมายืนพื้นเลย กุศลก็ต้องอาศัยสมาธิเป็นตัวยืนพื้นไว้ถึงจะประชุมลงได้ เนี่ยธรรมะกับอธรรมนะมันสู้กันมาอย่างนี้ตลอดเวลา

แต่คนในโลกนี้มันแพ้ไม่ภาวนาปฏิบัติให้สมควรแก่ธรรม จิตเลยไม่รวมลงที่จิต ศีลสมาธิปัญญาและธรรมฝ่ายดีทั้งหลายไม่ประชุมพร้อมๆกัน ต่างคนต่างมา ไม่สามัคคี อกุศลเนี่ยโอ้โหสามัคคีกันมากเลย สังเกตมั้ยช่วงไหนฟุ้งซ่านมากนะ ราคะอะไรงี้แรง ช่วงไหนราคะมากสังเกตมั้ยต่อไปโทสะแรง สังเกตมั้ยโทสะแรงอีกหน่อยเซื่องซึมถัดจากนั้น หมดแรงแล้วซึมๆไปหน่อย พอซึมได้ที่มีเรี่ยวมีแรงฟุ้งซ่านอีกแล้ว โอ้ เล่นไม่มีเลิกเลยนะ มันวางแผนพร้อมๆกันนะ วนเวียนผลัดกันชกก็มีนะ รุมกันชกก็มีนะ

งั้นพวกเราต้องมาพัฒนากุศลของเราให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท เห็นมั้ยท่านไม่ได้บอกให้พัฒนากุศลนะ ท่านไม่ได้กำหนดไว้แค่นั้น ท่านบอกให้เราเนี่ยพัฒนากุศลให้ถึงพร้อม ถึงพร้อมคือกุศลต้องมีครบเลย ทุกชนิดเลย คือความไม่ประมาท ถ้าประมาทคือขาดสติ ต้องมีสติ ถ้าไม่มีสติไม่มีกุศลหรอก

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรม ณ สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
อ. ศรีราชา จ.ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๔

CD: พระธรรมเทศนา สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๓
File: 541205

ระหว่างนาทีที่  ๓ วินาทีที่ ๓๖ ถึงนาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๔๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ศีล สมาธิ ปัญญาต้องรวมกันเป็นหนึ่ง จึงจะสู้กิเลสไหว

mp3 (for download) : ศีล สมาธิ ปัญญาต้องรวมกันเป็นหนึ่ง จึงจะสู้กิเลสไหว

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ศีล สมาธิ ปัญญาต้องรวมกันเป็นหนึ่ง จึงจะสู้กิเลสไหว

ศีล สมาธิ ปัญญาต้องรวมกันเป็นหนึ่ง จึงจะสู้กิเลสไหว

หลวงพ่อปราโมทย์ : ธรรมะเป็นเรื่องเฉพาะตัว หัดภาวนา ทุกวันๆต้องทำ เราไม่ภาวนานะทุกวัน กิเลสก็เอาไปกินหมด กิเลสขยันไม่มีวันหยุดไม่มีนักขัตฤกษ์ ลุยทุกวัน เราปฏิบัติธรรมทำๆหยุดๆ สู้กิเลสไม่ไหว เหมือนมันชกทั้งวันนะ เรานานๆชกลูกนึงนะ สู้กันไม่ได้ ปฏิบัติต้องฮึดไว้ประเภทเล่นไม่เลิก ไม่ได้หวังว่าจะต้องชนะน็อกมันในเวลาอันสั้น สู้มันทุกวัน สู้ด้วยสติด้วยปัญญา

กิเลสมันไม่มีอะไรมาก มีราคะโทสะโมหะ มีเท่านั้นเอง ไม่ได้มีอะไร มีสามตัวเอง กุศลมีเยอะแยะ มีทาน มีศีล มีสมาธิ มีปัญญา มีวิริยะ มีสติ มีศรัทธา เยอะแยะเลย กุศลเยอะกว่านะ แต่ไม่สามัคคีกัน อกุศลเนี่ยสามัคคีกันแน่นแฟ้นมากเลย เวลาอกุศลจะเกิดนะ โมหะเนี่ยเกิดขึ้นมายืนพื้นเลย ไม่ว่าราคะจะเกิดนะก็ต้องเกิดร่วมกับโมหะ โทสะจะเกิดก็เกิดร่วมกับโมหะ โมหะเนี่ยเป็นกิเลสยืนพื้น พอมีโมหะขึ้นมานะ บางทีก็เกิดร่วมพร้อมๆกับราคะ บางทีเกิดร่วมพร้อมกับโทสะ บางทีเกิดเดี่ยวๆก็ได้ แต่ถ้าโมหะเกิดเดี่ยวๆนะไม่นานราคะโทสะก็ตามมา มันมาช่วยกัน

ส่วนธรรมะฝ่ายดีต่างคนต่างอยู่ไม่ค่อยยอมสามัคคีกัน นั้นเลยสู้กิเลสไม่เคยได้เลย ธรรมะจะไปสามัคคีกันขณะจิตเดียวเท่านั้นเอง ครูบาอาจารย์วัดป่าโบราณท่านเรียกคำว่ามรรคสมังคี มันสามัคคีกัน ศีล สมาธิ ปัญญารวมเข้่าเป็นหนึ่ง โพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการนะรวมเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งมันถึงสู้กิเลสไหว

เนี่ยกุศลนะพวกมากนะ แต่ไม่สามัคคีกัน อย่างเวลาเราภาวนาวันนี้มีศรัทธาแล้วก็มีวิริยะหน่อย ประเดี๋ยวก็ไม่เอาแล้ว วิริยะนะก็อยากจะทำสมาธิไม่อยากเดินปัญญา เอาสมาธิก็ไม่เอาปัญญา หรือศรัทธาขึ้นมาก็ทิ้งปัญญาโง่งมงายไป บางทีก็ทำความเพียรเจริญปัญญารวด ทิ้งสมาธิ มันไม่สามัคคีกัน ธรรมะมันไม่ประชุม มันเลยรวมพลังกันไม่ได้ เมื่อธรรมะรวมพลังกันไม่ได้ในขณะที่กิเลสสามัคคีกันรวมพลังกัน ธรรมะเลยไม่เคยชนะกิเลสเลย สู้กันไม่ได้หรอก งั้นเราต้องค่อยๆมาพัฒนานะ พัฒนาธรรมะของเราขึ้นมา ค่อยฝึกไปเรื่อย

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรม ณ สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
อ. ศรีราชา จ.ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๔

CD: พระธรรมเทศนา สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๓
File: 541205

ระหว่างนาทีที่  ๐ วินาทีที่ ๑ ถึงนาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๓๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๓) ฝึกอานาปานสติมีฤทธิ์ได้

mp3 for download : อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๓) ฝึกอานาปานสติมีฤทธิ์ได้

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๓) ฝึกอานาปานสติมีฤทธิ์ได้

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๓) ฝึกอานาปานสติมีฤทธิ์ได้

หลวงพ่อปราโมทย์ : เพราะฉะนั้นอานาปานสตินะ ทำได้สารพัดเลย สารพัด เพราะฉะนั้นอานาปานสตินะ เป็นกรรมฐานครอบโลกเลย กว้างขวางมากเลยนะ ถ้าชำนิชำนาญอานาปานสตินะ พลิกแพลงได้สารพัดเลย จะออกเล่นข้างนอกก็ได้ จะทำกสิณก็ได้ กสิณอะไร อานาปานสติทำกสิณได้ กสิณลม กสิณแสง กสิณดิน กสิณดินก็คือเห็นตัวที่มันหายใจเนี่ย เห็นร่างกายที่กำลังหายใจอยู่ เป็นกสิณดิน เห็นลมหายใจที่ไหลเข้าไหลออกเนี่ย อยู่ที่เดียวนะ อยู่ที่จมูกเนี่ย รู้อยู่ที่เดียวเนี่ย เป็นกสิณลม มันสว่างขึ้นมาแล้ว เป็นกสิณแสง เนี่ยเล่นกสิณได้หลายตัว เพราะฉะนั้นเล่นอานาปานสติก็มีฤทธิ์ได้นะ เพราะมีกสิณตั้งหลายตัว

หมดเวลาแล้ว ไป เชิญไปทานข้าว

541106A.23m23-24m26

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
วันอาทิตย์ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ก่อนฉันเช้า

CD: 42
File: 541106A.mp3
นาทีที่ ๒๓ วินาทีที่ ๒๓ ถึง นาทีที่ ๒๓ วินาทีที่ ๒๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๒) ดูจิตด้วยอานาปานสติ

mp3 for download : อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๒) ดูจิตด้วยอานาปานสติ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๒) ดูจิตด้วยอานาปานสติ

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๒) ดูจิตด้วยอานาปานสติ

หลวงพ่อปราโมทย์ : ทีนี้ทำอานาปานสติแล้วดูจิตก็ได้ เห็นมั้ยกรรมฐานนี้กว้าง เห็นมั้ย ทำสมาธิได้ทุกแบบเลยนะ จนถึงเข้าอรูปนะ แต่ตรงอรูปเนี่ยทิ้งเรื่องลมไปแล้ว แล้วเข้าไปดูจิตต่อ เข้าอรูปไป จะทำโดยใช้ปัญญานำสมาธิก็ได้ ใช้สมาธินำปัญญาก็ได้ ใช้สมาธิและปัญญาควบกันก็ได้ เนี่ยอานาปานสติทำได้หมดเลย ตรงที่ใช้ปัญญานำสมาธินี้เอง เห็นร่างกายหายใจ ใจเป็นคนดู เนี่ยเราใช้ปัญญานำสมาธิไปเลย ไม่ได้เข้าฌานนะ ถ้าใช้สมาธินำปัญญาก็คือ เข้าฌานไปก่อนนะ ออกจากฌานแล้วมาพิจารณาธาตุขันธ์ แล้วได้ตัวผู้รู้ออกมา จากฌานที่ ๒ ออกมาข้างนอกเนี่ยนะ ดู ดูธาตุดูขันธ์ทำงาน ดูได้เป็นวันๆเลย อันนี้ใช้สมาธินำปัญญา ตัวผู้รู้จะเด่นดวง อดทน ทนได้นาน

พวกใช้ปัญญานำสมาธิ ตัวผู้รู้จะอยู่แว้บๆ เพราะสมาธิที่ใช้ มันก็มีสมาธิเหมือนกัน สมาธิที่ใช้เดินปัญญามันแค่ขณิกสมาธิ ไม่ถึงอุปจาระ ไม่ถึงอัปนา นะ ได้แค่ ขณิกะ ให้รู้ตัวเป็นขณะๆ จิตหนีไปแล้วรู้ทัน ก็ได้สมาธิขึ้นมา ได้มานิดเดียว แต่พอหลายๆนิดเข้านะ นิดบ่อยๆเข้า มันก็รู้ได้เหมือนกัน ก็เห็นร่างกายเป็นของถูกรู้ถูกดู จิตเป็นคนดู ตรงที่จิตเป็นคนดู ตรงนี้ล่ะ ได้ขณิกสมาธิแล้ว ตรงนี้เป็นปัญญานำสมาธิ เดินปัญญาไปก่อนแล้วสมาธิที่ถึงอัปนาฯจะเกิดทีหลัง แต่ตอนที่เดินปัญญานี้มีขณิกสมาธิอยู่

แล้วถ้าจะเดินปัญญาด้วยการดูจิตล่ะ ทำไง? หายใจไป หายใจไปแล้วจิตมีความสุข รู้ ว่าจิตมีความสุข หายใจไปแล้วจิตเครียดๆขึ้นมา รู้ ว่าจิตเครียดๆ เนี่ย ดูความเปลี่ยนแปลงของจิต หายใจไปแล้วจิตฟุ้งซ่าน รู้ทัน ว่าจิตฟุ้งซ่าน หายใจไปแล้วจิตสงบ รู้ทัน ว่าจิตสงบ นี่หายใจแล้วดูจิต หายใจแล้วจิตไหลไปอยู่ที่ลมหายใจ รู้ทัน ว่าจิตไหลไปอยู่ที่ลมหายใจ หายใจแล้วจิตตั้งมั่น สักว่ารู้ว่าเห็น ไม่ไหลเข้าไปในลมหายใจ อันนี้ก็เรียกว่า “ดูจิต”

เพราะฉะนั้นนะ หายใจนะ ดูกายก็ได้ เจริญปัญญาด้วยการดูกาย เห็นกายมันหายใจ หายใจไม่ใช่แค่เห็นว่าร่างกายมันหายใจนะ บางทีโยงไปถึงท้องพองยุบ จิตเป็นคนดู เพราะฉะนั้นถ้าทำท้องพองยุบแล้วจิตเป็นคนดู ก็ใช้ได้เหมือนกัน เราจะเห็นว่า ร่างกายที่พองที่ยุบ ไม่ใช่เรา

ถ้าหายใจไปแล้ว จิตมีความสุขก็รู้ จิตมีความทุกข์ก็รู้ อันนี้ถือว่าดูจิตล่ะ หายใจไปแล้วจิตฟุ้งซ่านก็รู้ จิตสงบก็รู้ อันนี้ก็เรียกว่าดูจิตล่ะ หายใจไปแล้วจิตตั้งมั่นอยู่ก็รู้ จิตไหลเข้าไปอยู่ที่ลมหายใจก็รู้ อันนี้ก็เรียกว่าดูจิตล่ืะ มันจะเห็นว่าจิตทุกชนิดไม่เที่ยง จิตสุขก็ไม่เที่ยง จิตทุกข์ก็ไม่เที่ยง จิตกุศลก็ไม่เที่ยง จิตอกุศลก็ไม่เที่ยง เห็นจิตไม่เที่ยงตลอดเวลาเลย เนี่ยแหละ เดินปัญญาแล้วนะ ดูจิตจะเห็นอนิจจังง่ายนะ จะเห็นแต่ของไม่เที่ยง เปลี่ยนตลอดเวลา เปลี่ยนเร็วมากเลย

541106A.19m51-23m22

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
วันอาทิตย์ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ก่อนฉันเช้า

CD: 42
File: 541106A.mp3
นาทีที่ ๑๙ วินาทีที่ ๕๑ ถึง นาทีที่ ๒๓ วินาทีที่ ๒๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๑) การเจริญปัญญาสำหรับสุกขวิปัสสโก

mp3 for download : อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๑) การเจริญปัญญาสำหรับสุกขวิปัสสโก

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๑) การเจริญปัญญาสำหรับสุกขวิปัสสโก

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๑) การเจริญปัญญาสำหรับสุกขวิปัสสโก

หลวงพ่อปราโมทย์ : พอเรามีจิตเป็นผู้รู้ผู้ดูแล้วนะ เราก็เห็นร่างกายหายใจไปเรื่อย ทำอานาปานสตินี่แหละ ไม่ต้องเข้าฌาน เข้าไม่เป็นก็ไม่ต้องกลุ้มใจ อุปจาระก็ยังไม่ได้ก็ไม่ต้องกลุ้มใจ เห็นร่างกายหายใจไปเรื่อยๆใจเป็นคนดู มันจะเห็นทันทีเลยว่า ร่างกายที่หายใจอยู่ไม่ใช่ตัวเรา ร่างกายที่หายใจเข้าก็ไม่เที่ยง ร่างกายที่หายใจออกก็ไม่เที่ยง เห็นมั้ย เป็นอนิจจัง การหายใจเข้าก็ทนอยู่ได้ไม่นาน หายใจออกทนอยู่ได้ไม่นาน เป็นทุกขัง ร่างกายที่หายใจอยู่เป็นวัตถุธาตุ เป็นก้อนธาตุ เป็นสิ่งที่จิตไปรู้เข้า เป็นแค่วัตถุธาตุเท่านั้น ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่คน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา เป็นแค่ก้อนธาตุ นี่ เห็นอย่างนี้เขาเรียกว่าเห็น “อนัตตา”

เห็นมั้ย ทำอานาปานสตินะ แล้วก็เห็นร่างกายแสดงไตรลักษณ์ นี่เดินปัญญาเลย พวกนี้ได้สุกขวิปัสสกะ เป็นพระอรหันต์ก็ไม่มีฤทธิ์มีเดชอะไรกับใครเขาหรอก ไม่มีของเล่น ต่างจากพวกที่ไปทางฌานโน้น แต่พวกที่ไปทางฌานบางคนก็ไม่มีของเล่น อภิญญาจิตไม่เกิด ต้องสร้างบารมีพิเศษนะ ตั้งใจอธิษฐานไว้ ทำบุญกับพระพุทธเจ้า ยิ่งหลายๆองค์ยิ่งดี ยิ่งขลัง เพราะฉะนั้นอย่างพวกเรา ถ้าบารมีน้อย อยากเล่นอภิญญา จิตหลอนเสียเป็นส่วนใหญ่ กิเลสหลอกเอาไป ไม่ใช่อภิญญาจริงหรอก

541106A.18m21-19m49

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
วันอาทิตย์ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ก่อนฉันเช้า

CD: 42
File: 541106A.mp3
นาทีที่ ๑๘ วินาทีที่ ๒๑ ถึง นาทีที่ ๑๙ วินาทีที่ ๔๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๐) ถ้าทำสมาธิไม่เป็น ให้เจริญปัญญาไปเลย

mp3 for download : อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๐) ถ้าทำสมาธิไม่เป็น ให้เจริญปัญญาไปเลย

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๐) ถ้าทำสมาธิไม่เป็น ให้เจริญปัญญาไปเลย

อานาปานสติ (ตอนที่ ๑๐) ถ้าทำสมาธิไม่เป็น ให้เจริญปัญญาไปเลย

หลวงพ่อปราโมทย์ : ถ้าทำไม่ได้อีกจะทำยังไง ทำอานาปานสติแล้วเจริญปัญญาไปเลยนะ ไม่ได้เข้าสมาธิหรอก แค่เห็นร่างกายมันหายใจอยู่ พวกนี้อุปจาระก็ไม่เข้า อัปนาคือเข้าฌานก็ไม่เข้า แค่เราเห็นร่างกายหายใจอยู่ ใจเป็นคนดู เนี่ยอานาปานสติอย่างนี้ก็ยังดี อานาปานสติตรงนี้เนี่ย ที่เรียกว่า มีสติอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก ไม่ใช่มีสติอยู่กับลมหายใจ ถ้ามีสติอยู่กับลมหายใจนะ ลมหายใจจะเปลี่ยนเป็นแสงสว่างแล้วจะเข้าฌานไป

เรามีสติอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก เห็นร่างกายหายใจ ใจเป็นคนดู เห็นร่างกายหายใจ ใจเป็นคนดู ตรงที่ใจเป็นคนดูขึ้นมาเนี่ย อันนี้ถ้าเข้าฌานไม่ได้ ต้องฝึกให้เกิด วิธีฝึกให้ใจเป็นคนดูเนี่ย หัดพุทโธไป หัดหายใจไปก็ได้นะ ใช้ลมหายใจไปก็ได้ หายใจแล้วค่อยสังเกตว่าร่างกายที่หายใจอยู่เป็นสิ่งถูกรู้ถูกดู ใช้พุทโธก็ได้ พุทโธไป พุทโธไปแล้วก็เห็นนะ ว่าพุทโธเป็นสิ่งที่ถูกรู้ถูกดู ดูท้องพองยุบก็ได้ แล้วเห็นว่าท้องพองยุบถูกรู้ถูกดู อย่างนี้ก็ได้ ใจมันจะเป็นผู้รู้ผู้ดูขึ้นมา

อีกอย่างหนึ่ง ถ้าแยกอย่างนี้ไม่ออกนะ ให้คอยรู้ทันเวลาจิตหนีไปคิด พุทโธแล้วจิตหนีไปคิด รู้ทัน จิตก็ตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดูขึ้นมา หายใจไป จิตหนีไปคิด รู้ทัน จิตก็ตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดูขึ้นมา ท้องพองยุบ จิตหนีไปคิด รู้ทัน จิตก็ตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดูขึ้นมา แต่ต้องไม่ไปเพ่งใส่ลมหายใจ ไม่ไปเพ่งใส่ท้องนะ ปล่อยให้มันรู้ลมหายใจ รู้ท้องพองยุบอะไรไป จิตมันเคลื่อนไป เรารู้ทันจิตที่เคลื่อนเนี่ย จิตจะตั้งมั่นขึ้นมาเป็นผู้รู้ผู้ดู บางคนก็ใช้วิธีนี้แยกได้ บางคนก็สังเกตดู ไอ้นี่ก็ถูกรู้ ไอ้นี่ก็ถูกรู้ ลมหายใจก็ถูกรู้ ร่างกายที่หายใจอยู่เป็นของถูกรู้ เห็นอย่างนี้ก็แยกได้ มีหลายอย่างเห็นมั้ย กรรมฐานน่ะมันหลากหลายมากนะ เพราะฉะนั้นเวลาภาวนา ถ้าไม่เรียนดีๆ จะมั่วซั่วเอา

541106A.16m08-18m20

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
วันอาทิตย์ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ก่อนฉันเช้า

CD: 42
File: 541106A.mp3
นาทีที่ ๑๖ วินาทีที่ ๘ ถึง นาทีที่ ๑๘ วินาทีที่ ๒๐

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

อานาปานสติ (ตอนที่ ๙) เดินปัญญาในฌาน

mp3 for download: อานาปานสติ (ตอนที่ ๙) เดินปัญญาในฌาน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

อานาปานสติ (ตอนที่ ๙) เดินปัญญาในฌาน

อานาปานสติ (ตอนที่ ๙) เดินปัญญาในฌาน

หลวงพ่อปราโมทย์ : แต่ถ้าคนไหนทำไปจนจิตถึงฌานแล้วเนี่ย ไปเดินปัญญาในฌาน วิธีไปเดินปัญญาในฌาน ก็ดูองค์ฌานนั้นแหละ มีปีติเกิดขึ้นก็มีสติรู้ทัน ปีติก็ดับ เห็นมั้ยปีติเกิดได้ ปีติดับได้ ปีติจะเกิดปีติก็เกิดได้เองไม่ใช่สั่งให้เกิดนะ เราเป็นแค่เราไปรู้ไปเห็นนะ ปีติเกิดแล้วก็ดับ ความสุขก็เกิดขึ้นมาเด่นชัดขึ้นมา มีสติไปรู้ความสุข ความสุขก็ดับ เกิดอุเบกขา อุเบกขาเกิดแล้ว แล้วเรามีสติรู้อุเบกขาไปเรื่อย

พอจิตมันเริ่มถอนจากสมาธิ มีความสุขขึ้นมา บางทีก็มีปีติขึ้นมา เวลาเข้าเวลาออกเนี่ย ไม่จำเป็นต้องเรียง ๑ ๒ ๓ ๔ นะ ถ้าชำนาญจริงนะ จาก ๑ ไป ๔ ลงไป ๒ ขึ้นไป ๓ ใหม่ แล้วออกมา ๑ ใหม่ ก็ได้ พลิกไปพลิกมาได้ แต่ไม่ว่ามันจะพลิกยังไงนะ องค์ฌานมันไม่เหมือนกัน มันทำให้ฌานแต่ละฌานไม่เหมือนกัน การที่เรามีสติรู้ทันการเปลี่ยนแปลงขององค์ฌานเนี่ย ตัวนี้แหละเป็นการเดินปัญญาในสมาธิ ในฌาน เดินปัญญาอยู่ในฌาน ต่างจากการเดินปัญญาในอุปจาระนะ อุปจาระจิตมันผุด มันยังคิดอยู่ มันผุดๆๆขึ้นมานะ เราคอยรู้ทันสิ่งที่ผุดขึ้นมาแล้วก็หายไป

เห็นมั้ยทำอานาปานสติแล้วมาเจริญปัญญาในสมาธิก็ได้

541106A.14m45-16m07

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
วันอาทิตย์ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ก่อนฉันเช้า

CD: 42
File: 541106A.mp3
นาทีที่ ๑๔ วินาทีที่ ๔๔ ถึง นาทีที่ ๑๖ วินาทีที่ ๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

อานาปานสติ (ตอนที่ ๘) เดินปัญญาในอุปจารสมาธิ

mp3 for download: อานาปานสติ (ตอนที่ ๘) เดินปัญญาในอุปจารสมาธิ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

อานาปานสติ (ตอนที่ ๘) เดินปัญญาในอุปจารสมาธิ

อานาปานสติ (ตอนที่ ๘) เดินปัญญาในอุปจารสมาธิ

หลวงพ่อปราโมทย์ : ทีนี้ถ้าคนไหนทำอานาปานสติ แล้วไม่สามารถเข้าฌานได้จะทำอย่างไร บารมีไม่ถึง ไม่เคยฝึกฝนมา เข้าฌานไม่ได้ ก็ทำอานาปานสติไป หายใจไป หายใจไป ลมมันตื้น สว่างขึ้นมา สบาย อย่าตามแสงออกไปเท่านั้นแหละ รู้เนื้อรู้ตัว สบาย จิตมันสงบอยู่นะ จิตมันสงบอยู่ แต่มันไม่ได้ไปเกิดปีติเกิดสุขอะไรขึ้นมา มันมีความสงบอยู่ในระดับหนึ่ง มันได้อุปจารสมาธิ ตรงอุปจารสมาธิเนี่ย นิมิตต่างๆมันเกิดได้ ถ้าหลงนิมิตไปก็เสียเวลา ถ้านิมิตเกิดขึ้นมาแล้วย้อนกลับมาดูที่จิตนะ นิมิตดับไปแล้วก็ หายใจไป ใจสบาย คอยรู้เนื้อรู้ตัวไปเรื่อย อะไรแปลกปลอมเข้ามารู้ทัน นี่เดินปัญญาอยู่ เดินปัญญาอยู่ในอุปจาระก็ได้ แต่ถ้าคนไหนชำนาญทั้งฌาน ชำนาญทั้งการดูจิตนะ จะไปเดินปัญญาอยู่ในฌาน

เห็นมั้ยทำอานาปานสติทำได้หลายอย่างนะ เป็นสมถะแบบเหลวไหลก็ได้ ตึงไปอ่อนไป แล้วก็ฟุ้งซ่านออกไปเลย ทำสมาธิให้เกิดอุปจารสมาธิก็ได้ ตรงนี้นิมิตเกิด อยากรู้อยากเห็นเลยบางทีหลอกๆ จิตมันหลอกเอาก็ได้ จริงบ้าง เท็จบ้าง แต่ตรงที่เคลิ้มๆไหลออกไปน่ะ เชื่อไม่ได้

ถ้าไม่หลงตามนิมิตนะ คอยดูสภาวะ ใจมันจะผุดความคิดขึ้นมา เดี๋ยวก็ไหวๆปั๊บๆๆ ขึ้นมานะ แล้วก็หายไป เดี๋ยวก็ไหวแป๊บๆ หายไป เราก็แค่รู้อยู่อย่างนี้ เราเดินปัญญาอยู่นะ เราจะเห็นว่า “ทุกสิ่งทีเกิด ดับทั้งสิ้น” นี่เดินปัญญาอยู่ในอุปจารสมาธิ พวกเราคนไหนทำตรงนี้ได้บ้าง ที่เรานั่งอยู่แล้วเราเห็นมันไหวๆแว้บๆๆ ขึ้นมา ยังไม่ได้เข้าฌานนะ ตรงนี้ จะเห็นว่าทุกอย่างมาแล้วก็ไป มาแล้วก็ไปนะ แต่ถ้าใจไหลตามไป ใช้ไม่ได้ ใจตั้งมั่นอยู่ เราเห็นทุกอย่างมันมาแล้วไป นี้เป็นการเดินปัญญาอยู่ในอุปจาระ

541106A.12m33-14m43

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
วันอาทิตย์ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ก่อนฉันเช้า

CD: 42
File: 541106A.mp3
นาทีที่ ๑๒ วินทาทีที่ ๓๓ ถึง นาทีที่ ๑๔ วินาทีที่ ๔๓

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

อานาปานสติ (ตอนที่ ๗) ทำฌานด้วยอานาปานสติ

mp3 for download : อานาปานสติ (ตอนที่ ๗) ทำฌานด้วยอาปานสติ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

อานาปานสติ (ตอนที่ ๗) ทำฌานด้วยอาปานสติ

อานาปานสติ (ตอนที่ ๗) ทำฌานด้วยอาปานสติ

หลวงพ่อปราโมทย์ : พอจิตเริ่มรวมจิตเริ่มสงบนะ หายใจจะตื้นขึ้นมา จะสั้น สั้น สั้น ขึ้นมา เหมือนมาอยู่ที่จมูกนั่นเอง พอลมหายใจขึ้นมาสูงขึ้นมา จิตมันจะสว่างขึ้นเรื่อยๆนะ จะสว่าง เนี่ยอย่างเรากำหนดอย่างนี้นะ เนี่ยสว่างขึ้นมาแล้ว ตรงที่จิตสว่างขึ้นมาแล้วเนี่ย มีทางแยก…

พวกหนึ่งนะ อยากรู้อยากเห็นอะไรเนี่ย ส่งแสงสว่างไป คล้ายๆฉายสปอร์ตไลท์ไป ฉายไปที่ไหนนะ จิตก็ตามไปดู เนี่ยจิตออกนอกตัวจริง ไปเทวโลกก็ได้ ไปพรหมโลกก็ได้ ไปบาดาลก็ได้ การที่เรารู้ลมจนกระทั่งกลายเป็นแสงสว่างเนี่ย มันกลายเป็นกสิณแสง กสินแสงเนี่ยมันทำให้ได้ทิพยจักษุ จากกสิณแสงเนี่ยนะ ส่งไปที่ไหน ตาก็มองเห็นตามไปได้ ใจมันเห็นตามไป ไปเห็นนรก เห็นสวรรค์ เห็นอะไร เห็นก็ดีเหมือนกัน ในแง่ที่จะกลัวบาป อยากทำบุญไม่กล้าทำบาป มีศีล นี่เห็นอย่างนี้มีศีล อีกพวกหนึ่งเห็นแล้วลำพอง กูเก่งๆ พวกนี้เห็นแล้วยิ่งแย่ใหญ่ เกิดกิเลส นี่ไม่ดี ถ้าเห็นแล้วมีศีลมีธรรมก็ดี ถ้าไม่เห็นก็ไม่เป็นไร อย่าไปตามมันไป

ให้จิตเป็นคนดูแสงไว้ จิตอย่าถลำเข้าไปในแสง พอจิตเป็นคนดูแสงเนี่ยนะ จิตมันชำนิชำนาญขึ้นมา สติระลึกรู้ที่แสงสว่างนั้น เรียกว่ามี “วิตก” วิตกก็คือการที่จิตเนี่ยไปตรึกอยู่ในแสงสว่าง วิจารเนี่ยคือจิตมันเคล้าเคลียอยู่กับแสงสว่าง ได้ยินคำว่า วิตก วิจาร ใช่มั้ย เราชอบไปคิดว่าวิตกคือคิดๆไปเรื่อยๆ วิจารก็คือวิพากษ์วิจารณ์ อันนั้นคนไทยเอามาใช้หรอก

วิตกก็คือ การที่จิตมันตรึกในอารมณ์ มันจับเข้าไปที่ตัวอารมณ์นะ วิจารณ์มันเคล้าเคลียอยู่กับตัวอารมณ์ พอจิตมีวิตกมีวิจารอยู่นะ ปีติมันเกิดนะ ก็ตรงนี้มันชำนาญ ก่อนจะมีปีติมีอะไรขึ้นมาได้นะ จิตมันชำนาญในสมาธิขึ้นมาแล้ว แสงสว่างเนี้ยให้มันใหญ่ก็ได้ ให้มันเล็กก็ได้ ให้เต็มโลกก็ได้ ทำตัวกระทั่งเราเหมือนพระอาทิตย์พระจันทร์เลยก็ได้ ให้เล็กๆเหมือนปลายธูปเลยก็ได้นะ คล้ายจิตมันเล่น มีของเล่น จิตมันสนุก มีปีติขึ้นมา มีความสุขนะ

พอจิตมีปีติ มีความสุขขึ้นมาแล้วนะ สติระลึกลงไปอีก มีปีติแล้วไม่ต้องไปสนใจดวงสว่างนั้นอีกต่อไปแล้ว เสียเวลา ทิ้งวิตกทิ้งวิจารไป สติระลึกรู้ปีติ ปีติมันโลดโผน ในขณะที่มีปีติในความจริงก็มีความสุขด้วยนะ แต่ว่าปีติมันฉูดฉาด สติจะไปเห็นปีติก่อน พอสติระลึกรู้ปีติ ปีติจะดับนะ ความสุขก็เด่นขึ้นมานะ ความสุขมันเด่น มันคล้ายๆนะ ปีติมันหยาบกว่ามันชวนให้ดู เหมือนเราไปซื้อเสื้อมาตัวหนึ่งนะ เราก็เลือกมาอย่างดีแล้ว พอซื้อมาเราพบว่า กลับมาบ้านแล้วพบว่ามันมีรูอยู่นิดนึง มันไปเกี่ยวอะไรขาดอยู่นิดนึง เราไม่ดูเสื้อทั้งตัวแล้ว เราจะเวียนดูไอ้รูที่ขาด นึกออกมั้ย เพราะมันเร้าใจกว่า เวลาปีติเกิดก็แบบเดียวกันนะ ไปดูปีติไม่อยากดูความสุขน่ะ ความสุขก็มีอยู่ในขณะที่มีปีติแต่ไม่ดู

พอปีติดับไป มันเห็นนะ ปีติเป็นของหวือหวา ปีติดับไปนะจิตก็มีความสุขขึ้นมา ความสุขก็เด่นขึ้นมา ดูลงไปที่ความสุข ความสุขก็เป็นของหวือหวาอีก มันก็เป็นอุเบกขา จิตเป็นอุเบกขา ตรงที่วิตกวิจารดับไปนะ จิตจะเป็นผู้รู้ขึ้นมานะ เพราะฉะนั้นในฌานที่สอง จิตจะเป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานขึ้นมาแล้ว ตรงนี้ถ้าทำอานาปานสติจนได้ฌานนะ เนี่ยได้ตัวผู้รู้ขึ้นมา ตั้งแต่ฌานที่ ๒ ๓ ๔ มีตัวผู้รู้ขึ้นมา แล้วถ้าดูจิตต่อไปเรื่อยก็จะเข้าอรูป(ฌาน)ไป และไม่จัดเป็นอานาปานสติแล้ว ก็เข้าอรูปต่อ อันนี้เป็นวิธีใช้อานาปานสติทำให้เกิดฌาน ในฌานนั้นเกิดจิตผู้รู้ขึ้นมา คนที่ได้จิตผู้รู้จากสมาธิเนี่ย เมื่อออกจากสมาธิแล้วตัวรู้จะเด่นดวงอยู่อย่างนั้นน่ะ ถ้าสมาธิหนักแน่นพอนะ เด่นอยู่ได้หลายวันเลย แต่ไม่เกิน ๗ วันก็จะเสื่อม พอมีตัวรู้นี้เอาไว้ใช้เดินปัญญา

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
วันอาทิตย์ที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ก่อนฉันเช้า

CD: 42
File: 541106A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๗ วินาทีที่ ๓๑ ถึง นาทีที่ ๑๒ วินาทีที่ ๓๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

อยากเจริญมรรคทำอยางไร ?

mp3 (for download) : อยากเจริญมรรคทำอยางไร ?

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

อยากเจริญมรรคทำอยางไร ?

อยากเจริญมรรคทำอยางไร ?

โยม : แต่ตอนนี้อยากจะเจริญมรรคค่ะ แต่อยากจะทราบวิธีค่ะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : มรรคเนี่ย ก็คือพัฒนาศีล สมาธิ ปัญญาไปเรื่อยนะ มีสติมันก็มีศีลเพิ่มขึ้น มีสติก็มีสมาธิ มีสติก็แยกธาตุแยกขันธ์ก็เกิดปัญญา ไม่รีบร้อนนะ เราต้องฝึกจนสติอัตโนมัติ สมาธิอัตโนมัติ ปัญญาอัตโนมัติ อริยมรรคถึงจะเกิดได้ ถ้ายังไม่ถึงขั้นอัตโนมัติยังไม่เกิดหรอก

โยม : ก็ฝึกโดยการรู้ใช่มั้ยคะ ใช้แนวทางอะไร

หลวงพ่อปราโมทย์ : ขั้นแรกนะ จงใจรักษาศีล ๕ ไว้ก่อน อันที่สองทำในรูปแบบทุกวัน ไหว้พระสวดมนต์ทำสมาธิเดินจงกลมอะไรงี้ ทำทุกวัน ใจจะได้มีกำลังนะ ถัดจากนั้นเจริญสติในชีวิตประจำวัน วิธีเจริญสติในชีวิตประจำวันก็คือ ตาหูจมูกลิ้นกายใจกระทบรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ ทำอารมณ์ไปตามธรรมชาติ กระทบแล้วก็ปล่อยให้ใจมันทำงานไป ปรุงสุข ปรุงทุกข์ ปรุงดี ปรุงชั่วขึ้นมา แล้วเราก็เห็นเลย สุขก็ชั่วคราว ทุกข์ก็ชั่วคราว ดีก็ชั่วคราว ชั่วก็ชั่วคราว เนี่ยฝึกเดินปัญญาไป

โยม : ก็ฝึกแบบนี้ไปใช่มั้ยคะ โดยอาศัยการรู้ใช่มั้ยคะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : รู้รวดเดียวไม่ได้นะ ต้องรู้จักรวมพลังจิตเข้ามาด้วย ไม่งั้นมันจะกระจายกว้างๆไม่มีแรง ขาดแรง

โยม : ตอนนี้รู้สึกเหมือนไม่มีแรง

หลวงพ่อปราโมทย์ : นั่นแหล่ะปัญหาแล้ว ไม่มีแรง พุทโธไป พุทโธไป ตอนไหนที่ไม่มีแรงทำสมถะ เพราะสมถะทำให้มีแรง พอมีแรงแล้วนะก็พัฒนาจิตขึ้นมาเป็นคนดู แล้วก็แยกธาตุแยกขันธ์เดินปัญญา ต้องเดินอย่างนี้นะอยู่ๆทิ้งสมถะไปเลยไม่ได้

หลวงพ่อทำสมถะ ๒๒ ปีนะ แล้วไปเจอหลวงปู่ดุลย์แล้วมาหัดเดินปัญญา ดูจิตดูใจดูได้ ๒ ปีเอง กำลังของสมาธิหมดแล้วที่ฝึก ๒๒ ปี วันนึงไปหาอาจารย์มหาบัวไปถามท่าน ท่านอาจารย์ครับพ่อแม่ครูอาจารย์สอนให้ผมดูจิตดูใจผมก็ดูอยู่ทำไมไม่พัฒนา ท่านบอก ต้องเชื่อเรานะไอ้ที่ว่าดูจิตนั่นดูไม่ถึงจิตแล้ว ต้องเชื่อเรานะตรงนี้สำคัญนะเราผ่านมาด้วยตัวเอง อะไรก็สู้บริกรรมไม่ได้ ท่านว่างี้นะ

หลวงพ่อก็กลับมาบริกรรมพุทโธๆ โอ๊ย ใจไม่เอา ใจเหมือนจะแตกเลย แล้วก็นึกขึ้นได้ เอ๊ะ ทำไมท่านให้บริกรรม ให้บริกรรมเพราะจิตของเราไม่ตั้งมั่น ไม่มีพลัง หลวงพ่อก็หายใจ เราถนัดอานาปานสติ หายใจแล้วใจก็ตั้งมั่นขึ้นมา มันเดินต่อได้ ของคุณนะต้องให้ใจมันกลับเข้ามาในบ้านก่อน ไม่งั้นใจไม่มีแรง

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่ โรงพยาบาลราชบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๔

CD: ธรรมเทศนานอกสถานที่ โรงพยาบาลราชบุรี
File:
541207
ระหว่างนาทีที่ ๕๑ วินาทีที่ ๒๖ ถึงนาทีที่ ๕๔ วินาทีที่ ๐๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

มีสติรักษาใจ จะมีศีลโดยอัตโนมัติ

mp3 (for download) : มีสติรักษาใจ จะมีศีลโดยอัตโนมัติ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.


มีสติรักษาใจ จะมีศีลโดยอัตโนมัติ

มีสติรักษาใจ จะมีศีลโดยอัตโนมัติ

หลวงพ่อปราโมทย์ : ใครๆก็บอกว่าตัวเองมีสติ ในความเป็นจริงแล้วคนในโลกนี้ไม่ค่อยมีสติหรอก มีแต่คนหลงคนลืมตัวเอง ใจลอยทั้งวัน ใจฟุ้งซ่านทั้งวัน จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มีร่างกายแล้วก็ลืมมัน มีจิตใจแล้วก็ลืมมัน

เราไม่เคยรู้สึกนะในร่างกายของเรา เราลืมมันทั้งวันเลย เรารู้หมดเลยใครเค้าเดินยังไง เคลื่อนไหวยังไง ใครเค้าไปไหนมาไหน เรารู้หมดเลย แต่เราหายใจออกหรือหายใจเข้าเรายังไม่ค่อยจะรู้เลย เราจะขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวอะไรนี้ เราไม่ค่อยรู้ตัวของเราเอง จิตใจของเราจะสุขจิตใจเราจะทุกข์ จิตใจเราจะดีจิตใจเราจะเลว เราก็ไม่เคยรู้ทันมันเลย นี่เรียกว่าเราขาดสติ

สตินั้นเป็นเครื่องมือรู้ทันกายรู้ทันใจของตัวเอง โดยเฉพาะการที่เรามีสติรู้ทันจิตใจของตนเองนั่นแหล่ะจะทำให้เรารักษาศีลง่าย เพราะว่าคนทำผิดศีลนะมันผิดมาเพราะกิเลสครอบงำจิตได้ ถ้ากิเลสครอบงำจิตไม่ได้มันทำผิดศีลไม่ได้ เพราะงั้นเรามามีสตินะคอยรู้ทัน กิเลสอะไรเกิดขึ้นที่จิตเราคอยรู้ทัน กิเลสอะไรเกิดที่จิตเราคอยรู้ทัน การที่เราคอยรู้ทันมีสติ คอยรู้ทันกิเลสที่เกิดขึ้นที่จิตนี่แหล่ะ จะทำให้เรามีศีลอัตโนมัติเกิดขึ้น

เช่นโทสะเกิดขึ้นเรารู้ทันนะ เราก็ไม่ไปฆ่าใคร ไม่ไปตีใครไม่ไปด่าใคร ไม่ไปทำลายทรัพย์สินของใคร อยู่แค่รู้ทันโทสะที่เกิดที่จิตนี่แหล่ะ เนี่ยการรักษาศีลที่ดีรักษากันที่จิตนี่ รักษาที่มือที่เท้าที่ปากนะเดี๋ยวๆก็ขาดแล้วเพราะจิตมันไม่ดี ถูกกิเลสลากเอาไป ราคะเกิดที่จิตเราก็มีสติรู้ทันนะ ถ้าเรารู้ทันราคะมันจะดับ เราจะไม่ทำผิดศีลเพราะว่าราคะ ทำผิดศีลเพราะราคะอย่างไปฆ่าเค้าเพราะราคะมีมั้ย ฆ่าเค้าเพราะอยากได้สมบัติของเค้าก็ไปฆ่าเค้า ไปขโมยเค้า ไปประพฤติผิดในกามอันนี้ก็เพราะราคะ ไปปลิ้นปล้อนหลอกลวง ผิดศีลข้อ ๔ ก็เพราะราคะ อาศัยราคะอาศัยโทสะที่เกิดขึ้นแล้วเราไม่มีสติรู้ทันนั่นแหล่ะเราถึงทำผิดศีล ๕ ได้

ถ้าเรามีสติรู้ทันนะอย่างใจฟุ้งซ่านขึ้นมารู้ทัน ใจฟุ้งซ่านรู้ทัน กิเลสหยาบๆมันจะเกิดไม่ได้ นี่เป็นวิธีรักษาศีลที่เราจะรักษาได้ตลอดรอดฝั่ง คนที่เรียนกับหลวงพ่อนะไปส่งการบ้านที่วัดก็เยอะแยะนะ เค้าก็ไปเล่าว่าแต่เดิมรักษาศีลไม่ค่อยสำเร็จหรอก เพราะว่าพยายามรักษาที่กายที่วาจา แป๊บเดียวพอใจมันเผลอนะกายวาจามันก็ทำผิดไปด้วย แต่พอมาหัดเจริญสตินะ มาคอยรู้ทันมาคอยรู้ทัน ศีลมันเกิดเอง ไม่ต้องเจตนารักษาเลย ศีลมันมาเองเลย งั้นเราจะรักษาศีลให้ดีเนี่ยนะ รักษาที่จิต กิเลสอะไรเกิดขึ้นที่จิต รู้ทัน กิเลสอะไรเกิดที่จิต รู้ทัน แล้วศีลมันจะมาเอง ถ้าเราไม่รู้ทันกิเลสที่เกิดที่จิต ศีลมันไปเองมันไปอย่างรวดเร็วเลย


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่ โรงพยาบาลราชบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๔

CD: ธรรมเทศนานอกสถานที่ โรงพยาบาลราชบุรี
File:
541207
ระหว่างนาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๕๐ ถึงนาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๕๔

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

รักษาศีลให้รักษาที่ใจ

mp3 (for download) : รักษาศีลให้รักษาที่ใจ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

รักษาศีลให้รักษาที่ใจ

รักษาศีลให้รักษาที่ใจ

หลวงพ่อปราโมทย์ : การปฏิบัติธรรมจริงๆไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไรหรอก การปฏิบัติธรรมจริงๆปฏิบัติไปก็เพื่อขัดเกลากิเลสออกจากใจของเราไปเป็นลำดับๆ กิเลสหยาบๆ ราคะ โทสะ โมหะ โกรธแรงๆโลภแรงๆ หลงแรงๆฟุ้งซ่านมากๆอะไรงี้ มันจะทำให้คนเราทำผิดศีล งั้นเราก็ตั้งใจรักษาศีลไว้ก่อน

ศีลในเบื้องต้นต้องตั้งใจรักษา อย่างเรากล่าวปฏิญาณนะ พุทธัง สรณัง คัจฉามิ เป็นการบอกเลยเราเป็นลูกมีพ่อมีแม่นะ เราก็ต้องทำตามพ่อตามแม่ของเราสอนให้ได้ ไม่ใช่รับศีลเล่นๆหรอก เรารับไปก็เพื่อเอาไปปฏิบัติ เพื่อขัดเกลาตัวเองให้สมกับที่เราเป็นลูกพระพุทธเจ้า ให้สมกับที่เราเกิดมาในแวดวงของธรรมะ ถ้าเรารับแล้วก็ทิ้งไปเปล่าๆไม่มีประโยชน์

งั้นศีลก็เอาไว้เพื่ิอขัดเกลาตัวเองนั่นเอง อย่างคนเราจะทำผิดศีลได้นะ วิธีจะรักษาศีลให้ดีนะไม่ใช่แค่ตั้งใจจะรักษาศีล ไม่ใช่แค่มาขอกับพระ มาขอศีลแป๊บเดียวแต่เดี๋ยวเดียวศีลขาดแล้ว ศีลขาดง่ายมากนะโดยเฉพาะศีลข้อ ๔ ศีลข้อ๔ไม่ใช่แค่มุสาวาท ไม่ใช่แค่โกหก มันรวมไปถึงการพูดที่ไม่ดีอย่างอื่นอีกเยอะแยะเลย เช่นการพูดส่อเสียดยุให้เค้าทะเลาะกัน การพูดคำหยาบ การพูดเพ้อเจ้อ พูดเพ้อเจ้อก็คือพูดโดยที่ไม่จำเป็นต้องพูด มีมั้ยพวกเรามีมั้ย วันๆนะเราพูดโดยที่ไม่จำเป็นต้องพูดเยอะมากเลย การที่เราพูดอะไรต่ออะไรโดยไม่จำเป็นต้องพูดเนี่ย สิ่งที่ได้มาก็คือความฟุ้งซ่านของจิต จิตไม่สงบหรอก งั้นศีลนี่แหล่ะเป็นการขัดเกลาเบื้องต้น

แต่ว่าเราจะขัดเกลาได้ไม่ใช่แค่ไปขอศีล ต้องรู้จักวิธีรักษาศีลที่ดี การรักษาศีลที่ดีไม่ใช่รักษาที่กายที่วาจา คนเราทำผิดศีลได้เพราะใจมันทำผิดศีลก่อน ใจมันต้องชั่วซะก่อนนะ กายวาจามันถึงจะชั่วตาม อย่างใจเรามีโทสะแรงๆเราถึงจะฆ่าเค้าได้ ตีเค้าได้ด่าเค้าได้ ทำลายทรัพย์สินเค้าได้ ใจของเราต้องมีราคะก่อนนะถึงจะไปปล้นฆ่าเค้าได้ ไปชิงทรัพย์เค้าได้ เป็นชู้กับเค้าได้ พูดจาหลอกลวงนะอะไรต่ออะไรเยอะแยะ สิ่งเหล่านี้มันเกิดมาจากใจเราทั้งสิ้นเลย

เพราะนั้นถ้าเราอยากรักษาศีลให้มันตลอดรอดฝั่งนะ มารักษาที่ใจ เครื่องมือในการที่จะรักษาศีลที่ใจเราได้ดีนะก็คือสตินั่นเอง สติเนี่ยเป็นเรื่องสำคัญที่สุดเลย ถ้ามีสติถึงจะมีศีล ถ้าขาดสติคุณงามความดีทั้งหลายหายหมดเลย เพราะนั้นสิ่งสำคัญมากที่เราจะต้องพัฒนาขึ้นมาให้ได้คือความมีสติ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่ โรงพยาบาลราชบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๔

CD: ธรรมเทศนานอกสถานที่ โรงพยาบาลราชบุรี
File:
541207
ระหว่างนาทีที่ ๐ วินาทีที่ ๕๕ ถึงนาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๕๐

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

รู้ทันจิตที่ฟุ้งซ่าน จิตจะตั้งมั่น

mp3 (for download) : รู้ทันจิตที่ฟุ้งซ่าน จิตจะตั้งมั่น

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

รู้ทันจิตที่ฟุ้งซ่าน จิตจะตั้งมั่น

รู้ทันจิตที่ฟุ้งซ่าน จิตจะตั้งมั่น

หลวงพ่อปราโมทย์ : นี่การที่เราคอยมีสติรู้ทันใจของเราเองเรื่อยๆเนี่ย นอกจากศีลแล้วสมาธิยังจะเกิดขึ้นได้ง่าย อย่างคนที่มาเรียนกับหลวงพ่อแต่เดิมรักษาศีลไม่ได้เดี๋ยวนี้รักษาง่าย แต่เดิมทำสมาธิไม่ได้เดี๋ยวนี้ทำสมาธิง่าย

สมาธิไม่ใช่เรื่องยากอะไร จิตมันฟุ้งซ่านไป ฟุ้งไปในอารมณ์โน้นฟุ้งไปในอารมณ์นี้ ถ้าเรามีสติรู้ทันจิตที่ฟุ้งซ่าน ความฟุ้งซ่านจะดับโดยอัตโนมัติ มันมีกฎของธรรมะข้อนึงก็คือ กิเลสกับกุศลเนี่ยจะไม่เกิดร่วมกัน สติเป็นตัวกุศลนะ เพราะนั้นถ้าเมื่อไหร่เรามีสติอยู่ จิตฟุ้งซ่านเรามีสติรู้ทันปั๊บ จิตสงบอัตโนมัติ

งั้นวิธีที่เราจะทำจิตให้สงบเนี่ยไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าเราไม่รู้วิธีแล้วมันก็ยาก เช่นเราอุตสาห์ไปนั่งสมาธินะ นั่งกันเป็นวันๆพุทโธไปหายใจไป ฝึกกันแรมปีนะกว่าจะค่อยๆสงบได้บ้าง บางทีสงบมากๆไปอีกซึมไปเลย ออกจากสมาธิมานะใจก็ซึมๆเซื่องๆ หรือเวลาอยู่ในสมาธิมีความสุขมาก ออกมากระทบอารมณ์ข้างนอกนะ ใจทนไม่ไหว มันคล้ายๆเรามีชีวิตอยู่แต่ในห้องปลอดเชื้อ พอออกมาสู่อากาศข้างนอกโดนเชื้อโรคแป๊บเดียวตายเลย เวลาติดอยู่ในสมาธินะใจสงบสบายมีความสุขนึกว่าไม่มีกิเลส พอออกมากระทบอารมณ์ทางตาหูจมูกลิ้นกายใจเท่านั้น กิเลสระเบิดเปรี้ยงปร้างเลย งั้นสมาธิอย่างนั้นไม่ค่อยได้เรื่องอะไรหรอก

เราลองมาฝึกสมาธิชนิดใหม่นะ สมาธิ วิธีการไม่ได้ยากอะไร ความจริงหลวงพ่อไม่ได้คิดเองหรอกนะ มีคำสอนอันนี้อยู่ตั้งแต่ในพระไตรปิฎกก็มี ในสามัญญผลสูตรนะพระพุทธเจ้าสอนอชาตศตรู รู้ทันนิวรณ์ที่เกิดขึ้นที่จิต นิวรณ์มันจะดับอัตโนมัติ อย่างความฟุ้งซ่านเกิดขึ้นที่จิตนะเรารู้ทันว่าจิตฟุ้งซ่านปุ๊บ ความฟุ้งซ่านดับ ทันทีที่นิวรณ์ดับสมาธิเกิด มันง่ายแค่นี้เอง

ครูบาอาจารย์สอนหลวงพ่อภาวนามานะ ท่านสอนให้รู้ทันที่จิตนี้เอง สมาธิมันเกิดขึ้นได้ง่ายๆเลย อย่างใจเราฟุ้งซ่านเก่งมั้ย วันนึงวันนึงนะใจเราหนีไปคิดนับครั้งไม่ถ้วน ร้อยครั้งพันครั้งหมื่นครั้งนะหนีทั้งวัน นั้นเราคอยมีสติรู้ทันนะจิตมันไหลไปแล้ว จิตมันฟุ้งซ่านไปแล้ว จิตมันหนีไปคิดแล้ว ให้เราคอยรู้ทันไว้ ถ้าเรารู้ทันจิตที่ไหลไปคิดจิตจะตั้งมั่น จิตจะตื่นขึ้นมาเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ไม่ใช่ผู้คิดผู้นึกผู้ปรุงผู้แต่ง จิตที่เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานเนี่ยเป็นจิตที่มีสมาธิที่ดี สมาธิอย่างนี้เป็นสมาธิที่สำคัญสำหรับการเจริญปัญญา


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่ โรงพยาบาลราชบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๔

CD: ธรรมเทศนานอกสถานที่ โรงพยาบาลราชบุรี
File: 541207
ระหว่างนาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๕๕ ถึงนาทีที่ ๙ วินาทีที่ ๓๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

อย่าทำแต่สมาธิ ต้องเดินปัญญาด้วย

mp 3 (for download) : อย่าทำแต่สมาธิ ต้องเดินปัญญาด้วย

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

อย่าทำแต่สมาธิ ต้องเดินปัญญาด้วย

อย่าทำแต่สมาธิ ต้องเดินปัญญาด้วย

หลวงพ่อปราโมทย์: อย่าเอาแต่ทำสมาธินะ สมาธิโง่ๆไม่เอานะ ต้องทำสมาธิพักผ่อนพอมีเรี่ยวมีแรง พอจิตใจแช่มชื่นแล้วต้องมาเดินปัญญา วิธีเดินปัญญาก็คือถอนตัวออกมาเป็นคนดู เห็นปรากฎการณ์ของรูปธรรมนามธรรมเค้าทำงานไปเรื่อย เค้าจะแสดงไตรลักษณ์ให้ดู ต้องเดินอย่างนี้นะ ดูเจริญปัญญาไปช่วงนึงจิตหมดแรงกลับมาทำความสงบใหม่ กลับมาอยู่กับพุทโธมาอยู่กับลมหายใจ มาอยู่นะไม่ใช่ไปแยกออกมาอีกนะ ให้มารู้เคล้าอยู่กับลมหายใจอยู่กับพุทโธให้จิตสดชื่น เติมน้ำมันก่อน มีเรี่ยวมีแรงแล้วถอยตัวออกมาเป็นคนดู แยกธาตุแยกขันธ์ต่อไปอีก ไม่ใช่สงบนิ่ง ปีนี้ก็สงบปีหน้าก็สงบอีกชาติหน้าก็อยู่อย่างนี้อีกนะ ไม่เคยฝึกเดินปัญญาไม่ได้กินหรอก ฝึกเอานะไม่ยากเท่าที่คิดหรอก            

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๑๑ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๔ ก่อนฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๑
Track: ๒๒
File: 540911.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๙ วินาทีที่ ๒๓ ถึง นาทีที่ ๓๐ วินาทีที่ ๑๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ศาสนาพุทธมุ่งที่ปัญญา

mp 3 (for download) : ศาสนาพุทธมุ่งที่ปัญญา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์: ศาสนาพุทธนะมุ่งมาที่ตัวปัญญาเนี่ยตัวสำคัญเลย ถ้าไม่มีการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะไม่มีการสอนเรื่องการเจริญปัญญา ส่วนการทำทานการรักษาศีลการทำสมาธิมีมาตลอด มีมาตลอดไม่ขาดช่วง เรียกว่าสาธารณกุศล สาธารณกุศลหมายถึงเป็นบุญทั่วๆไป ไม่เฉพาะศาสนาพุทธหรอก เค้าก็มี อย่างมุสลิมก็มีซะกาต ใครรู้จักมั้ยซะกาต ซะกาตเนี่ยถึงปีนะคนที่มีรายได้ต้องสละ คล้ายๆภาษีเป็นภาษีทางศาสนาสละเอาไปช่วยคนที่ยากจนกว่า เนี่ยเค้าก็ทำทานนะเป็นเรื่องดี เค้ามีสมาธิมั้ยก็มี การที่เค้าละหมาดวันละห้าครั้งคิดถึงพระเจ้าวันละห้าครั้งถ้าเทียบกับศาสนาพุทธก็คือเทวตานุสติ การระลึกถึงเทพนึกถึงเทวดาก็ได้สมาธิ เห็นมั้ยเค้าก็มีทำทานก็มีสมาธิก็มี ศีลเค้ามีมั้ยเค้าก็มีศีลอย่างของเค้าใช่มั้ย มีการดำรงชีวิตอย่างมีระเบียบมีวินัยเข้มงวดกวดขันมากกว่าเราซะอีก งั้นแค่ทำทานรักษาศีลทำสมาธิศาสนาอื่นก็มี

มาถึงขั้นเจริญปัญญาพวกเราต้องเรียนให้มาก ถ้าเราลืมการเจริญปัญญาก็เท่ากับเราทิ้งศาสนาพุทธไปแล้ว พระพุทธเจ้าสอนบุคคลถึงความบริสุทธิ์ได้ด้วยปัญญานะ ถ้าเราปราศจากปัญญาจิตเราจะบริสุทธิ์ไม่ได้ ถ้าจิตยังบริสุทธิ์ไม่ได้จิตยังต้องเจือต้องระคนด้วยความทุกข์เสมอไปยังมีความทุกข์ตลอดไป แต่ถ้าจิตเข้าถึงความบริสุทธิ์นะไม่มีอะไรย้อมจิตได้จิตก็ไม่ทุกข์อีก จิตที่มันทุกข์ขึ้นมาได้เพราะจิตโดยตัวของมันเป็นตัวรู้ จิตโดยตัวของมันไม่ใช่ตัวต้องมาเป็นทุกข์อะไร เป็นแค่ตัวรู้เท่านั้นเอง แต่เพราะกิเลสนะเพราะมันไม่บริสุทธิ์กิเลสมันย้อมจิตได้ มันเลยไม่ใช่ตัวรู้ที่ดีเป็นตัวรู้สกปรก ตัวรู้ที่สกปรกรู้ผิดๆเนี่ยก็เที่ยวไปหยิบไปฉวยไปยึดไปถือสิ่งต่างๆขึ้นมา ความทุกข์ก็เลยเยอะแยะไปหมดเลย ถ้าจิตบริสุทธิ์นะมันจะปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่างกระทั่งตัวมันเอง อัศจรรย์ตรงนี้แหล่ะมันปล่อยวางกระทั่งตัวมันเองได้ ถ้ามันปล่อยวางตัวมันเองได้แล้วมันจะไม่ไปหยิบฉวยอะไรขึ้นมาอีกแล้ว เพราะสิ่งที่จิตยึดถือเหนียวแน่นที่สุดนะคือตัวจิตเอง จิตนั่นแหล่ะยึดถือจิตอย่างเหนียวแน่นที่สุดว่าเป็นตัวเรา

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันเสาร์ที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๓ หลังฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๘
Track: ๕
File: 531225B.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๔๐ ถึง นาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๔๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ไม่สนใจธรรมะ โอกาสชีวิตจะดีขึ้นไม่มีจริงหรอก

mp 3 (for download) : ไม่สนใจธรรมะ โอกาสชีวิตจะดีขึ้นไม่มีจริงหรอก

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ไม่สนใจธรรมะ โอกาสชีวิตจะดีขึ้นไม่มีจริงหรอก

ไม่สนใจธรรมะ โอกาสชีวิตจะดีขึ้นไม่มีจริงหรอก

หลวงพ่อปราโมทย์ : นี่คนเค้าสนใจธรรมะก็โอกาสที่ชีวิตจะดีขึ้นมันก็มี ไม่สนใจธรรมะโอกาสที่ชีวิตจะดีขึ้นไม่มีหรอก ธรรมชาติของจิตถูกกิเลสลากลงต่ำตลอดเวลา ถ้าไม่สู้กับมันก็ถูกมันลากไปเรื่อยๆ จะดีวิเศษแค่ไหนแต่ประมาทปล่อยกายปล่อยใจตามกิเลสเรื่อยไปก็ตกต่ำลงเรื่อยๆ โดยธรรมชาติเหมือนน้ำไหลลงที่ต่ำ งั้นต้องรู้จักทดน้ำเหมือนกัน ทดน้ำให้มันสูงขึ้น

มีศีลสมาธิปัญญาเป็นเครื่องมือ พระพุทธเจ้าก็สอนเครื่องมือมาให้หมดแล้ว
สามต่อสาม กิเลส ราคะโทสะโมหะสามตัว ธรรมะ ศีลสมาธิปัญญาสามตัว ใครจะชกใครหมอบยังไม่แน่ อยู่ที่พวกเราเอง พระพุทธเจ้าให้ของดีของวิเศษไว้แต่โดยธรรมชาติคนไม่เอา

คนเอาอธรรมเอาความไม่มีศีลมีธรรม เอากิเลส   เพราะใจธรรมชาติของใจไหลตามกิเลสไปเรื่อย ตามกิเลสไปเพราะมันเที่ยวหาความสุขสนุกสนานเพลิดเพลินทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ เที่ยวเพลินเล่นไปเรื่อย สนุก หาความสุข ทั้งรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะอะไรพวกนี้ เครื่องมือของกิเลสมันหลอกให้เราติดอยู่ในโลก ก็ยากที่คนๆนึงจะพ้นโลกได้

งั้นธรรมะก็มีหลายระดับ คนไหนมีบุญบารมีพอพระพุทธเจ้าก็สอนธรรมะวิธีที่จะพ้นโลกไป คนไหนบุญบารมีไม่พอท่านก็สอนธรรมะที่จะอยู่กับโลกแบบไม่ทุกข์มากนัก ทุกข์พอประมาณ วันนึงข้างหน้ามีเรี่ยวมีแรงก็จะพัฒนาตัวเองต่อไป งั้นธรรมะก็เลยมีสองระดับ ธรรมะอยู่กับโลกเรียกโลกียธรรม ธรรมะที่จะพ้นจากโลกไปสู่โลกุตรธรรม มีสองแบบไม่เหมือนกันหรอก

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

CD: แสดงธรรมเทศนา สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๑
File: 540819A
ระหว่างนาทีที่ ๐ วินาทีที่ 0๒ ถึงนาทีที่ ๒ วินาทีที่ ๒๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ไม่มีศีล อริยมรรคไม่เกิด

mp3 for download : ไม่มีศีล อริยมรรคไม่เกิด

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ไม่มีศีล อริยมรรคไม่เกิด

ไม่มีศีล อริยมรรคไม่เกิด

หลวงพ่อปราโมทย์ : คนที่มีศีลสมาธิเกิดง่าย ยกตัวอย่างนะ ถ้าใจเราไม่คิดฆ่าใคร ไม่คิดเบียดเบียนใครนะ ใจเราสงบง่าย ถ้าใจเราผิดศีลนะ คิดจะฆ่าเขา คิดจะทำลายเขา ใจไม่สงบๆ สมาธิก็เสื่อมสิ

คิดจะลักเขา ขโมยเขานะ ไปขโมยมาแล้วอะไรอย่างนี้ ก็วุ่นวายใจ กลัวเขาจับได้ จิตใจมันวุ่นวาย สมาธิก็เสื่อมสิ เป็นชู้เขา กลัวเขาฆ่า เคยเห็นในการ์ตูนมั้ย ชอบไปแอบในตู้เสื้อผ้า หรือไปปีนหน้าต่างหนี อะไรอย่างนี้นะ มีความสุขมั้ย ไม่มีความสุขนะ จิตใจไม่มีความสุข ก็ไม่มีความสงบจริงหรอกนะ ฟุ้งซ่าน

คนโกหกเขาก็ต้องจำเยอะ ใช่มั้ย คนโกหกเนี่ยนะ คิดอะไรไม่ค่อยเป็นแล้ว เพราะเอาเมมโมรี่นะไปใช้ในการจำข้อมูลเก่าๆที่ไปโกหกคนไว้ ใจก็ฟุ้งซ่านนะ โกหกคน พูดเท็จ ไม่สงบนะ กินเหล้าเมายา จิตใจไม่สงบ

เพราะฉะนั้นศีลจำเป็นมากนะ ถ้ามีศีลนะ สมาธิเกิดง่าย มีสมาธิเกิดง่ายปัญญาก็เกิดง่าย เพราะฉะนั้นศีลนี้แหละเป็นปัจจัยให้ไปนิพพานได้ เพราะมันเกื้อกูลให้มีสมาธิ มีสมาธิเกื้อกูลให้เกิดปัญญา

วันนี้ต้องเทศน์ปิดท้าย เทศน์เรื่อง ศีล สมาธิ ปัญญา เพราะพวกที่มาเรียน เข้าคอร์สวันนี้ จะจบแล้ว เดี๋ยวจบไปแล้วก็รู้แต่เจริญสติ ไม่ต้องรักษาศีล ไปไม่รอดนะ ต้องมีให้ครบ ไม่งั้นอริยมรรคจะไม่เกิด

ถ้าไปดูในองค์มรรคนะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ องค์มรรค ๓ ตัวนี้นะ เรื่องศีลทั้งนั้นเลยนะ เรื่องศีลทั้งนั้นเลย สัมมาวาจาเนี่ย ศีลข้อ ๔ สัมมากัมมันตะ ศีลข้อ ๑ ๒ ๓ ต้องให้บอกมั้ย ๑ ๒ ๓ คืออะไร

ศีลข้อ ๑ ปาณาติบาต ทำร้ายสัตว์ ฆ่าสัตว์ เบียดเบียนสัตว์ ข้อ ๒ ลักทรัพย์เขา ฉ้อโกงเขา ข้อ ๓ ประพฺฤติผิดในกาม สัมมาวาจา ข้อ ๔ สัมมากัมมันตะ ข้อ ๑ ๒ ๓

สัมมาอาชีวะ การเลี้ยงชีวิตของเรา ต้องเลี้ยงอย่าบริสุทธิ์นะ จนไม่เป็นไร ความจนไม่น่ารังเกียจ ความโกงน่ารังเกียจ เราอย่าปล่อยให้ค่านิยมเลวๆมันครอบงำเรา ทุกวันนี้เราถูกเสี้ยมสอนให้เลวหนักขึ้นๆ ให้เห็นความเลวเป็นเรื่องปกติ

อย่างนักการเมืองบางคนมาสอนพวกเรานะว่า โกงไม่เป็นไร คอร์รัปชั่นไม่เป็นไร ขอให้มีผลงาน นี้สอนสิ่งที่เลวร้ายให้เรานะ เราต้องไม่เชื่อฟัง ชาวพุทธเราต้องสะอาดในการดำรงชีวิต ในการจะอยู่ การจะกิน จะทำอะไรทุกสิ่งทุกอย่างต้องสะอาดพอ ถ้ารู้สึกว่ายอมสกปรกได้ กิเลสน่ะ

มันล้างไม่ได้จริงหรอก ของหยาบๆยังล้างไม่ได้เลย การจะมีชีวิตอยู่ในโลกให้สะอาดยังทำไม่ได้เลย จะทำใจให้สะอาดน่ะ เป็นไปไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นเราต้องเลี้ยงชีวิตนะ จนไม่เป็นไรนะ อย่าไปอายกับความยากจน ให้อายกับความชั่วร้าย แล้วก็อย่าไปยกย่องคนชั่วร้ายที่ร่ำรวยด้วย มันช่วยกันสร้างค่านิยมที่เลวให้มากขึ้นๆนะ สังคมของเราทุกวันนี้ถึงร้อนเป็นฟืนเป็นไฟไปหมดทุกหนทุกแห่งแล้ว

เพราะเราช่วยกันสร้างค่านิยมที่เลวๆนานาชนิดขึ้นมา เช่น ใช้วิธีอะไรก็ได้เพื่อบรรลุผลสำเร็จ นี่เป็นค่านิยมที่เลวร้ายมากเลยนะ ทุกวันนี้ดูสิ บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร เป็นอนาธิปไตยนะ อะไรก็ได้ขอให้สำเร็จเถอะ เนี่ยมันจะอยู่กันไม่ไหว

เพราะฉะนั้นเราต้องตั้งใจรักษาศีลนะ รักษาศีล เลี้ยงชีวิตของเราให้บริสุทธิ์ เนี่ยอยู่ในองค์มรรคทั้งสิ้นเลย


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๓

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๔
File: 530425A.mp3
ลำดับที่ ๑๒
ระหว่างนาทีที่ ๕ วินาทีที่ ๕๐ ถึง นาทีที่ ๙ วินาทีที่ ๔๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ต้องหัดแยกให้ออก จิตแบบไหนกุศล แบบไหนอกุศล

mp3 (for download) : ต้องหัดแยกให้ออก จิตแบบไหนกุศล แบบไหนอกุศล

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ต้องหัดแยกให้ออก จิตแบบไหนกุศล แบบไหนอกุศล

ต้องหัดแยกให้ออก จิตแบบไหนกุศล แบบไหนอกุศล

หลวงพ่อปราโมทย์ : ส่วนใหญ่เวลาหัดทำสมาธิ นึกออกมั้ยสมัยก่อนที่พวกเราหัดปฏิบัติ ทันทีที่ลงมือปฏิบัติจิตแน่นๆเลย รู้สึกมั้ย พอลงมือปฏิบัติ (หลวงพ่อทำท่าเกร็ง) เนี่ยเอาเลยนะอกุศลชัดๆเลยคิดว่าจะเจริญวิปัสสนาเหรอ จิตเป็นอกุศลชัดๆเลยนะ

เพราะฉะนั้นเราต้องเรียนเรื่องจิตให้ชำนาญนะ แยกให้ออกว่าจิตชนิดไหนเป็นกุศล ชนิดไหนเป็นอกุศล ไม่งั้นนะพอคิดถึงการปฏิบัติทีไรนะ อกุศลเกิดทุกทีเลย เกิดตัวไหน ตัวไหนเกิดก่อน โลภะเกิดก่อน ก็เก่งเหมือนกัน จริงๆโมหะเกิดก่อน โง่ก่อน พอโง่นะก็อยากรู้อยากเห็นอยากเป็นอยากได้ อยากรู้ให้ชัด อยากรู้ตลอดเวลา โลภะเกิดเห็นมั้ย ไปนั่งจ้องไว้

จ้องแล้วมันไม่ค่อยยอมอย่างที่เป็น อย่างที่อยาก โทสะก็เกิดเนี่ย ทันทีที่จ้องรู้สึกมั้ย ทันทีที่จ้องลงไปแน่นขึ้นมาแล้ว รู้สึกมั้ย จิตที่แน่นๆเป็นอกุศลจิตนะ เพราะนั้นทันทีที่ลงมือปฏิบัตินะ กำหนดปุ๊บแน่นปั๊บเนี่ย นั่ันแหล่ะอกุศลเกิดแล้ว ภาวนาผิดแล้ว แทนที่จะภาวนาแล้วเกิดกุศลนะ กลายเป็นภาวนาได้อกุศล งั้นต้องระมัดระวังนะ ต้องเรียนให้ออกว่าอันไหนเป็นกุศล อันไหนเป็นอกุศล

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่ สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันที่ ๑๑ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๔

CD: ๔๑
File: 540911
ระหว่างนาทีที่ ๑๐ วินาทีที่ ๔๖ ถึงนาทีที่ ๑๒ วินาทีที่ ๑๐

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Page 8 of 17« First...678910...Last »